บิตคอยน์ สะเทือนวงการธนาคาร ”ญี่ปุ่น-สหรัฐ” อ้าแขนรับ
วันที่ 25 ม.ค.2561 เวลา 13.30 น. ที่ห้องบอลรูม โรงแรมพูลเเมน บางกอก คิงพาวเวอร์ กรุงเทพฯ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เเถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม SMEs Academy เเละระบบการเรียนรู้ อิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้โครงการสร้างเเละพัฒนาผู้ประกอบการใหม่เชิงสร้างสรรค์เเละนวัตกรรม
ภายในงานมีการเสวนาในหัวข้อ “เศรษฐกิจดิจิทัลกับการขับเคลื่อนประเทศสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่” โดย “ดร.เฉลิมรัฐ นาควิเชียร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มโอ-แซด คอม เน็ตดีไซน์ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จะเห็นว่าอินเทอร์เน็ตในยุคนั้นมีเพียงเเค่ MSN, YAHOO, GOOGLE คนอาจเข้าใจว่าดิจิทัลในยุคนั้นคือการก็อปปี้แล้ววาง แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่ ขณะนี้มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากกว่า 4 พันล้านคน ที่เข้าถึงในโซเชียล ทั้งอินเทอร์เน็ตและอีคอมเมิร์ซได้เข้ามาเชื่อมโยงกัน ปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ “ตอนนี้ที่เราจะได้ยินบ่อยๆ คือ บล็อกเชนเเละบิตคอยน์”
สำหรับ “บล็อกเชน” คือเครือข่ายเก็บข้อมูลแบบหนึ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและได้รับข้อมูล หากเปรียบเทียบในปัจจุบันกับเครือข่ายของอินเทอร์เน็ต จะเห็นว่ามี Google,ไลน์, ทวิตเตอร์, อินสตาเเกรม เช่นเดียวกัน ภายใน “บล็อกเชน” มีการข้อมูลสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1000 สกุลเงิน โดยที่ได้ยินกันอย่างมากในขณะนี้คือ “บิตคอยน์” สกุลเงินในรูปแบบของดิจิทัลอย่างหนึ่ง ที่มีมาแล้วกว่า 6-7 ปี
ดร.เฉลิมรัฐ อธิบายว่า การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบของธนาคารในปัจจุบัน ข้อมูลจะต้องถูกส่งไปที่ธนาคารในส่วนของการหักเงินออกจากบัญชี เเต่บิตคอยน์สามารถโอนเงินให้กันได้เองโดยไม่ผ่านตัวกลาง เงินจะถูกตัดออกจากระบบไปเอง เเละหากโอนเงินข้ามประเทศ สามารถนำบิตคอยน์ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลในประเทศที่ไม่มีกฎหมายห้ามใช้บิตคอยน์ หรืออาจโอนเข้าบัตรประเภทเครดิต เดบิต มาสเตอร์ วีซ่าที่มี เเล้วให้ปลายทางรูดบัตรใช้ได้เลย ซึ่งบัตรจะตัดเงินบินคอยน์ออกไป

@ญี่ปุ่น “บิตคอยน์” เป็นสกุลเงินถูกกฎหมาย
กรณีประเทศจีนยอมรับบิตคอยน์หรือไม่นั้น ดร.เฉลิมรัฐ กล่าวว่า ในจีนใครถือบิตคอยน์จะถูกลงโทษ แต่จาก 2 ปีที่ผ่านมา ปรากฎว่านักขุดบิตคอยน์กว่า 80% อยู่ในประเทศจีน
เมื่อถามว่านักขุดบิตคอยน์คือใคร บอกได้ว่าคือ “กลุ่มคนที่จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์คุณภาพสูง คอยรันข้อมูลเข้าไปหาดาต้าต่างๆ ตรวจสอบข้อมูลการเงินดิจิทัล โมดิฟายข้อมูลต่างๆ เเล้วป้อนเข้าสู่ระบบบิตคอยน์ ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีคนถือหุ้น ระบบของบิตคอยน์มันแฟร์กับทุกคน ซื้อขายได้ทั่วโลก ค่าธรรมเนียมต่ำ เเละนักขุดบิตคอยน์จะได้เงินจากค่าธรรมเนียม”
โดยอาจเรียกได้ว่าประเทศจีนไม่ได้บอกว่า บิตคอยน์ผิดกฎหมาย แต่อย่างไรก็ยังไม่อนุมัติให้มีการเเลกเงินบิตคอยน์มาเป็นเงินหยวน
นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่นในช่วงมีนาคม-เมษายน ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้รองรับว่า บิตคอยน์เป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมาย สามารถใช้ซื้อของภายในประเทศ ตามร้านอาหาร ห้าง ซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ โดย 1 บิตคอยน์มีมูลค่าประมาณ 4 แสนบาท แต่เมื่อมีผู้ใช้งานบิตคอยน์เพิ่มมากขึ้น การโอนข้อมูลในระบบบล็อกเชนก็จะช้าลง เปิดช่องทางให้กับเงินสกุลเงินดิจิทัลใหม่ๆ
@ระบบการเงินระดับโลกเข้าสู่ 4.0 ที่เเท้จริง ดร.เฉลิมรัฐ กล่าวว่า การเงินยุคเเรกเเละยุค 2 คือช่วงที่หาตัวกลางมาเเลกเปลี่ยน เช่น เอาทองคำมาเเปรเป็นธนบัตร เงินตรา หรือเก็บไว้สร้างทุนสำรองประเทศ จากนั้นคือยุคที่ 3 เงินแปรไปเป็นตัวเลข ใช้เเอปฯโอนจ่ายอ้างอิงกัน ใช้ธนาคารมาดูเเลความน่าเชื่อถือระหว่างกัน
เเละยุคที่ 4 คนตัดสินใจได้เอง ไม่มีอะไรปิดกั้น อินเทอร์เน็ต คนเลือกรับสื่อ ภาคการเงินโอนเงินผ่านกันโดยไม่ผ่านตัวกลาง คือธนาคาร
“ในยุคนี้ต้องหาสิ่งมาเเทนทองคำ บิตคอยน์ราคานำทองคำไปแล้ว กองทุนต่างๆ ก็เอาเงินไปเก็บไว้ที่บิตคอยน์ อเมริกามองบิตคอยน์เป็นตราสารการเงิน ไม่ต่างจากทองคำ น้ำมัน ยางพารา ซึ่งเเลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ ทำให้ราคาบิตคอยน์สูงขึ้นเรื่อยๆ ทะยานนำราคาทองคำไปเป็นที่เรียบร้อย”
@บิตคอยน์ คือการพนัน ? สำหรับคำถามที่ว่า บิตคอยน์ คือการพนันหรือไม่ ดร.เฉลิมรัฐ ตอบว่า เมื่อสหรัฐรับบิตคอยน์เป็นตราสารเเล้ว ประเทศอื่นต้องใช้เเนวคิดเทียบเคียงกัน ซึ่งในตลาดทุนมีเเนวรับเเล้ว เเต่ฝั่งตลาดเงินไม่เอาเเน่ เพราะบิตคอยน์มีเเนวคิดทำลายระบบกลาง ซึ่งก็คือธนาคาร คาดการณ์ได้ว่าว่าธนาคารคงไม่ยอมรับเเน่นอน
“สกุลเงินดิจิทัลเป็นการพนันบางสกุลเงิน หากวันไหนเราใช้บิตคอยน์ ประเทศจะเกิดวิกฤตทางการเงิน มีปัญหาทางการเมืองทันที”
@ธนาคารเริ่มปรับตัว บล็อกเชนปฏิวัติฟินเทคโลก ด้าน ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์ Co-Founder บริษัท เซ็ท โรบอท จำกัด กล่าวถึงกรณีบิตคอยน์จะกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร ว่า ในด้านของการเงินบล็อกเชนได้เปลี่ยนสินทรัพย์เงินในธนาคารให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อบิตคอยน์เข้ามา ผู้คนสามารถโอนเงินให้กันเองได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร ปัจจุบันจะเห็นว่าธนาคารในประเทศไทยเริ่มมีการปรับตัวมากขึ้นเพื่อเตรียมรับมือ อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ได้มีการปรับลดสาขา-พนักงานลง
“บล็อกเชนจะเข้ามาปฏิวัติฟินเทคของโลกโดยสิ้นเชิง การลงทุนหรือขอกู้เงินจากธนาคารในอดีต หากไม่มีฐานทรัพย์ ไม่มีข้อมูลก็ไม่สามารถกู้เงินธนาคารได้ แต่ต่อไปนี้ คุณสามารถขอกู้เงิน โอนเงินให้กันเองได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร ประเทศไทยจะต้องปรับตัวเพื่อไม่ให้เป็นประเทศที่ล้าหลัง เราเริ่มช้า ต่างชาติเข้ามาในไทยแล้ว ถ้าไม่ศึกษาหรือปล่อยผ่าน จะเสียโอกาสในหลายๆ อย่าง”
ดร.ธนภูมิ กล่าวอีกว่าบล็อกเชน สามารถทำสัญญาทางการเงินระหว่างกันได้ รวมถึงนำมาใช้จัดเก็บข้อมูล เมื่อบันทึกข้อมูลไปแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถือเป็นการปฏิวัติระบบการจัดเก็บข้อมูล
“ต่อไปไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชน องค์กรต่างๆ ต้องมาพิจารณาระบบนี้ เพราะบล็อกเชนจะเปลี่ยนแปลงระบบการจัดเก็บทุกสิ่ง ต่อไปจะเป็นยุคของดิจิทัล บล็อกเชนจะเข้ามามีสัดส่วนเรื่อยๆ ต้องเรียนรู้เอาไว้ เเละปรับตัวจะได้เปรียบ”
@โอกาสไทยจะเปลี่ยนมาใช้บิตคอยน์มีเเน่นอน…แต่ควรมอง 2 ด้าน ดร.ธนภูมิ กล่าวว่า ไทยไม่สามารถหนีบิตคอยน์พ้น เห็นได้ว่าร้านอาหารบางร้านรองรับการจ่ายเงินเเบบบิตคอยน์ เมื่อคนทุกประเทศใช้กันมากขึ้น ก็ต้องยอมรับ บิตคอยน์มาเเน่นอน ต้องมารอดูว่ามาตอนไหนเเค่นั้นเอง
“อย่างไรก็ตามอย่าลืมที่จะดูว่า บิตคอยน์คืออะไร มีคนใช้กี่คน ทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน อยากให้พิจารณาสองมุม ไม่อยากให้ซื้อไว้เพื่อเกร็งกำไร หากอนาคตไม่มีคนใช้งานบิตคอยน์ มูลค่าก็จะลดลง เเม้ในตอนนี้โอกาสที่คนจะไม่ยอมรับบิตคอยน์น้อยมาก เพราะกลายเป็นมาตรฐานระดับโลก อีกทั้งเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยจะทำให้ดีขึ้น”
@เเนะเตรียมพร้อมจ่ายเงินบิตคอยน์ ศก.ใหม่ดีขึ้น ตลาดเปิดกว้างเสรี
ด้านดร.สุรพิชย์ พรหมสิทธิ์ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านต่างประเทศของประธานรัฐสภา กล่าวว่า อยากให้เตรียมพร้อมเรื่องการจ่ายเงินบิตคอยน์ในเรื่องของธุรกิจ ผู้ประกอบการควรมองภาพไกลขึ้น อย่ามองเเค่ตลาดในประเทศ ให้มองว่าสินค้าสามารถตอบโจทย์ประเทศไหนได้บ้าง เเล้วการชำระเงินของประเทศนั้นเป็นอย่างไร ในปีนี้ต้องมองภาพรวมมากขึ้น ศึกษาว่าต่างชาติเป็นอย่างไร
สำหรับในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่จะดีขึ้น ผู้คนสามารถจ่ายเงินกันได้เองโดยไม่ผ่านตัวกลาง ส่งผลให้อิสระทางการเงินสูงขึ้น ตลาดกว้างเเละเสรีมากขึ้น
เมื่อถามว่า ตอนนี้ประเทศไทยเข้าใกล้สังคมไร้เงินสดหรือไม่ ดร.สุรพิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารเริ่มกังวลมากขึ้น หาคนร่วมงานเพื่อมาศึกษาวิเคราะห์ เเละเน้นไปในทิศทางการพัฒนาเเอปพลิเคชั่น กระตุ้นให้คนหันมาใช้ ขณะนี้ทุกอย่างถูกเเทนที่ด้วยดิจิทัล ต้องย้อนมาดูว่าภาครัฐจำกัดมากน้อยเเค่ไหน ที่จะให้เศรษฐกิจเติบโตไปกับสกุลเงินใหม่ๆ ซึ่งผู้ประกอบการต้องมีความพร้อม เพราะภาครัฐของเเต่ละประเทศมีนโยบายไม่เหมือนกัน
