
ปีที่แล้วมีหนังสือเล่มหนึ่งที่ได้รับการการันตีจากโลก Social ว่าดีมากๆ คือ “ไขความลับสมองเงินล้าน” ของ T Harv Eker ถ้าให้พูดตามตรงผมไม่ค่อยชอบเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ซักเท่าไหร่ทั้งๆที่เป็น Best Seller มันคล้ายๆเป็นคัมภีร์เวทย์มนต์ที่สอนให้สะกดจิตตัวเองแล้วปรับเปลี่ยนความคิดเพื่อสร้างความร่ำรวยอะไรประมาณนั้น ผมกล้าเอาประสบการณ์การเป็น Tarot Reader 8 ปีมาเดิมพัน การเปลี่ยนความคิดไม่ได้ให้ผลลัพธ์มากมายเท่ากับการเปลี่ยนพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพียงเล็กน้อยมีผลกระทบในการเปลี่ยนอนาคตมากกว่าความคิดหลายเท่า…!!!
ผมเชื่อว่าวิธีคิดจะเปลี่ยนตามพฤติกรรม ไม่ใช่พฤติกรรมจะเปลี่ยนตามวิธีคิด ไม่เช่นนั้นคนอ่านหนังสือ How to เยอะๆจะต้องประสบความสำเร็จ ด้วยความเชื่อแบบนี้ทำให้ผมไม่ค่อยไหลไปตามกระแสเชียร์หนังสือใน Facebook ซักเท่าไหร่ เพราะหนังสือที่คนส่วนใหญ่บอกว่าดีมากเมื่อมาอ่านแล้วมันมักไม่ดีจริง แต่มีหนังสือเล่มหนึ่งตอบโจทย์ความเชื่อของผมพอดี มันดีมากพอที่ผมจะแนะนำและมันไม่เคยเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ ผมมองข้ามหนังสือ “I will teach you yo be rich” หรือ “ผมจะสอนให้คุณรวย” ไปได้ยังไง…???
ผมได้เจอหนังสือเล่มนี้ในราคาลด 50% และอ่าน ถึงได้รู้ว่ามันคือหนังสือที่ปฏิบัติตามได้ทันที เขียนโดยนักวางแผนทางการเงินที่สอนให้คนรู้จักใช้เงินโดยเน้นคุณค่า รวยเพราะใช้เงินให้ก่อประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่ปริมาณ รวยเพราะใช้เงินให้มากที่สุด ที่เจ๋งคือเขาสอนวิธีการเปลี่ยนพฤติกรรมโดยตรง

ลูกค้าของผมส่วนใหญ่ไม่สามารถออกแบบชีวิตของตัวเองได้เพราะกับดักหนี้สิน หลายคนอาจจะคิดว่าบ้านเป็นหนี้สินที่จัดการยากที่สุด ไม่เลย รถต่างหากคือหนี้สินที่อุลุงตุงนังและทำให้คนส่วนใหญ่ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาจ่ายมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่ปรารถนาอยากจะลาออกจากงาน รถคือภาระที่อ่อนไหวยิ่งกว่าบ้านเสียอีก คนที่ลาออกจากงานเกินครึ่งที่ผมรู้จักล้วนขายรถทิ้งเพราะต้องรักษากระแสเงินสด ประเด็นคือมีคนมากมายกรอกหูว่าถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต คุณต้องมีรถที่สมฐานะกับคุณ นั่นก็คือผ่อนเท่าลิมิตรายได้คุณจะจ่ายไหว (หรือเกินจะจ่ายไหว) แต่รามิตรกลับบอกแบบแหกกฏ เขาเขียนในหนังสือผ่านตัวอักษรใหญ่ๆว่า “คนส่วนใหญ่ประหยัดค่าอาหาร เสื้อผ้า แต่กับรถยนต์นั้นกลับตัดสินใจได้ยอดแย่” คำถามคือทำไมคนส่วนใหญ่ถึงตัดสินใจได้ยอดแย่ในสายตาของเขา…???
“ให้ผมบอกกับคุณก่อน ว่าการตัดสินใจซื้อรถที่ดีนั้นไม่ใช่จากยี่ห้อ ไมล์ หรือขอบล้อ ในมุมมองทางการเงิน ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือคุณเก็บรถไว้นานเท่าไหร่ก่อนที่จะขาย เซลล์อาจจะให้ข้อเสนอที่ดีที่สุดในโลกกับคุณ แต่ทันทีที่ครบ 4 ปีแล้วคุณขายมัน สิ่งเหล่านั้นจะมีมูลค่าเท่ากับ 0 คุณจะสูญเงินไปทันที แทนที่จะทำอย่างนั้น ให้คุณทำความเข้าใจก่อนว่าคุณสามารถจ่ายได้ที่เท่าไหร่ เลือกรถที่น่าเชื่อถือ ดูแลมันให้ดี และขับมันให้นานที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทำได้ ใช่ครับ คุณจะต้องขับไปมากกว่า 10 ปี เพราะทันทีที่รายจ่ายจบลง (ผมคิดว่าหนังสือหมายถึงผ่อนหมด) การออมจะเริ่มต้นขึ้น”
ตรงนี้ผมว่ามันบ้าชัดๆ อายุการใช้งานของรถเต็มที่ก็น่าจะอยู่ราวๆ 5-6 ปีเท่านั้น น้อยคนจริงๆที่จะสามารถใช้รถได้เกิน 8 ปี นี่จะเล่นกับ 10 ปีเลยเรอะ…!!!
แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าถ้าคุณยังไม่อยู่ในจุดที่จะสามารถเปลี่ยนรถทันทีที่ผ่อนหมดได้โดยไม่กระทบรายได้ การขายแล้วซื้อใหม่เพื่อผ่อนต่อจะเท่ากับสร้างรายจ่ายก้อนโตให้กับคุณอีกที รถคันหนึ่งก็หลักแสน – ล้านทั้งนั้น ที่น่าตลกมากคือคนส่วนใหญ่เมื่อขายรถคันแรกทิ้งไป มักมีแนวโน้มจะซื้อรถคันที่สองแพงกว่าคนแรกเสมอ ถ้าคุณติดตาม Vittarot คุณจะสัมผัสได้ว่าผมเชียร์ให้คนที่หมดความสุขกับการทำงานประจำไปแล้วลาออกมาเป็นนายตัวเองเสมอ คนส่วนใหญ่ไม่กล้าลาออก เขาเลยยอมซื้อรถใหม่เพื่อสนองความสุขของตัวเองมากกว่าสร้างเส้นทางชีวิตใหม่ และเมื่อมีหนี้สิน ชีวิตก็ต้องการความมั่นคงมากกว่าอิสระ การหยุดทำงานไม่ได้จึงเข้ามาเยือน
แน่นอน รามิตรไม่ได้แนะนำให้คุณประหยัด เพราะเขาบอกว่าถ้าคุณรัก BMW แล้วซื้อไหวก็ควรซื้อ แต่ต้องเป็นการซื้อที่ผ่านการคิดการตัดสินใจที่รอบคอบมาแล้วเท่านั้น…!!!
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน รามิตรบอกว่าอย่าไปสนใจคำพูดของเซลล์ที่บอกว่าคุณจะต้องผ่อนเท่าไหร่ต่อเดือน เพราะส่วนใหญ่มันมักไม่เป็นไปตามนั้น คุณต้องดูการเงินของคุณอย่างตั้งอกตั้งใจและแบ่งเงินออกมาสำหรับการผ่อนรถโดยเฉพาะ ตามอุดมคติแล้ว คุณจะต้องซื้อรถที่มีราคาผ่อนน้อยกว่าเงินที่คุณแบ่งออกมาจัดการผ่อนรถรายเดือน เพราะมันยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวกับรถและอยู่นอกเหนือในใบเสนอราคาอยู่อีกด้วย
“ถ้าคุณสามารถจ่ายเงินเป็นค่ารถทั้งหมดได้ 500 เหรียญต่อเดือน คุณอาจจะสามารถซื้อรถที่ต้องจ่าย 200 ถึง 250 เหรียญต่อเดือน เมื่อรวมค่าประกัน ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง และค่าจอดรถในซานฟรานซิสโก นั่นหมายความว่าคุณสามารถใช้รถที่มีราคา 12,000 เหรียญไปตลอด 5 ปีได้ คุณจะใช้รถได้อย่างสบายใจเมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปที่คิดว่าเขาซื้อไหว นี่แสดงให้เห็นว่ามันง่ายแค่ไหนที่จะมีโอกาสใช้จ่ายให้กับรถมากเกินไป หลายคนที่ผมรู้จักถูกหลอกล่อด้วยรถที่มันแวววาวจากตัวแทนจำหน่าย แต่มันสำคัญที่ว่าคุณไม่ได้ซื้อรถเพื่อวันนี้ แต่ซื้อมันเพื่ออนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า การซื้อรถที่โฉบเฉี่ยวก็เหมือนกับการออกเดทกับสาวเร่าร้อนที่น่าเบื่อ ความเร่าร้อนจะหมดไปในเวลาไม่นาน และสิ่งที่คุณจะเหลือทั้งหมดก็คือความไม่น่าพอใจ“
ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือน iPhone ตัวแรกของโลกที่ทำให้มนุษยชาติตาค้างและอยากได้ตอนปี 2007 ปัจจุบันนี้มันแทบจะกลายเป็นสิ่งของที่ไม่มีใครอยากใช้ อดีตมันเคยแพงมากและปัจจุบันมูลค่าของมันนั้นนิดเดียว
แล้วคำถามคือแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่าเป็นการซื้อรถที่ดี…!!!
รามิตรบอกว่า
รถที่คุณอยากได้ต้องอยู่ภายใต้งบประมาณของคุณ
รถคันนั้นต้องเป็นรถที่ดี และคนที่จะบอกได้ว่ารถคันไหนดีหรือไม่ดีคือตัวคุณเอง
เชื่อถือได้ จะต้องไม่พังและไม่สร้างปัญหาชีวิตเพิ่มเติมให้กับคุณ
รถที่คุณรัก เนื่องจากเราต้องอยู่กับมันนาน คุณจะต้องเลือกรถที่คุณขับแล้วเพลิดเพลิน
มูลค่าขายต่อ คุณจะประหลาดใจว่าราคารถตกเร็วขนาดไหน
อัตราค่าประกัน ต่อให้ต่างกันนิดเดียวแต่หลายๆปีก็เยอะ
อัตราประหยัดน้ำมัน ด้วยราคาน้ำมันที่ขึ้นลงอย่างกับรถไฟเหาะ คุณต้องป้องกันความเสี่ยงของคุณ
เงินดาวน์ ยิ่งเงินดาวน์ถูก การถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยจะยิ่งแพง ถ้าเลือกได้ให้ซื้อรถที่คุณพร้อมวางเงิน
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้รถ
วิชญ์บอกว่า
ดูเป้าหมายในชีวิตของคุณก่อนว่าอะไรสำคัญกว่า ถ้าคุณประกาศว่าอยากเป็นนายตัวเอง ลาออกจากงาน หรือท่องเที่ยวรอบโลก รายจ่ายของรถอาจจะกลายเป็นอุปสรรคขวางกั้นคุณกับความฝันได้
มั่นใจว่าคุณอยากได้รถเพราะเห็นประโยชน์ของมันจริงๆ อย่าซื้อรถมาเพื่อจอดไว้บ้านเฉยๆ ลูกค้าผมหลายคนมีรถแต่ไม่ขับเพราะเวลาไปทำงานที่จอดหายาก ต้องจ่ายค่าชั่วโมง การจราจรโหดสัส และไม่อยากเหนื่อยกับการขับรถวันละ 3 ชั่วโมงด้วยความเร็ว 16 กม. ต่อ ชม.
ลองใช้เทคนิค “จงเป็นหนี้ก่อนเป็นหนี้ก่อน” อย่างเช่นถ้าต้องการฝึกผ่อน Yaris ก็ราวๆเดือนละ 12,000 บาท + ค่าน้ำมันเดือนละ 3,000 บาท + ค่าประกัน ค่าเข้าศูนย์ ค่า พรบ แบบลวกๆอีกเดือนละ 2,000 บาท นั่นเท่ากับคุณควรลองฝึกเอาเงินเข้าบัญชีธนาคารโดยไม่ต้องใช้ให้ได้เดือนละ 17,000 บาทซัก 3 เดือนขึ้นไปว่าไหวมั้ย ถ้ารับไม่ไหวกับรายได้ก้อนหนึ่งที่ต้องหายไปโดยไม่ได้ใช้ ก็อย่าพึ่งรีบซื้อเลยครับ
ไม่ต้องถามไพ่ทาโรต์หรอก ถามตังค์ในกระเป๋าว่าไหวหรือเปล่า
ผมขอบอกเลยนะครับ ว่ามีรถหนะ มันโครตสะดวกเลย โดยเฉพาะเวลาหลัง 9 โมงเช้าของวัน จ – ศ นี่ถนนค่อนข้างโล่ง ไปไหนมาไหนก็สบายราวกับถนนถูกสร้างมาเพื่อบุคคลสำคัญอย่างเรา ส่วนวัน ส – อ นี่ไม่ต้องพูดถึง 9 โมงเช้าขึ้นไปติดทุกเส้น ถ้า BTS ตัดผ่านหน้าบ้านผมเมื่อไหร่ รถจะกลายเป็นอะไรที่ลำบากทันทีเพราะสิ่งที่สะดวกกว่ามาแทนที่ ผมภาวนาให้ BTS ทำมาถึงที่อยู่อาศัยของผมก่อนที่ผมจะขายรถคันปัจจุบัน ยิ่งมี Uber เข้ามาด้วยแล้วเผลอๆการซื้อรถอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่คุ้ม ถ้าต้องการเดินทางไกลจริงๆแล้วเดินทางแบบนานๆครั้ง การขึ้นเครื่องบินแล้วเช่ารถปลายทางหรือเช่ารถจากกรุงเทพเป็นรายวันอาจจะคุ้มกว่า (TOYOTA 1.5J New Vio ตกวันละ 600 บาท) แต่ค่านิยมไทยมักคิดว่าคนเราเมื่อโตขึ้นไป ถ้าไม่มีบ้านไม่มีรถเป็นของตัวเอง ถือว่าล้มเหลวเรื่องการใช้ชีวิตซะด้วยสิ
เอาหละ ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วปรากฏว่าคุณตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะซื้อ นี่คือคำสอนสุดท้ายจากรามิตรครับ
ทำ
พยายามต่อรองให้ได้ส่วนลดมากที่สุด (ซึ่งในหนังสือบอกชัดเจนว่าคุณสามารถต่อรองกับเซลล์เพื่อขอส่วนลดได้ แต่ในประเทศไทยผมไม่ทราบว่าทำได้หรือไม่ได้ครับ)
คำนวนมูลค่าความเป็นเจ้าของทั้งหมด คุณต้องคิดให้ออกว่าอยากจะจ่ายเท่าไหร่ต่อตลอดอายุการใช้งานของรถ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะส่งผลกระทบการเงินกับคุณมาก นอกจากค่ารถกับค่าดอกเบี้ยแล้ว มูลค่าความเป็นเจ้าของนั้นหมายถึงค่าน้ำมัน ค่าดูแลรักษา ประกัน และมูลค่าขายต่อ
ซื้อรถที่ใช้ได้เป็นสิบปีไม่ใช่รถที่ดูเจ๋ง เพราะรูปลักษณ์จะค่อยๆหมดความสำคัญไปแต่คุณก็ยังต้องจ่ายเงิน ใช้มันให้คุ้มค่าไปนานๆครับ
อย่าทำ
เช่าซื้อ การเช่าซื้อเกือบทุกครั้งเป็นประโยชน์ต่อฝั่งผู้ขาย ไม่ใช่ผู้ซื้อ มันดึงดูดให้คุณอยากเปลี่ยนรถใหม่ตลอดเวลาและเต็มใจจะจ่ายเงินสูงลิบลิ่วแล้วก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา วิธีนี้เหมาะกับคนร่ำรวยที่อยากจะได้รถใหม่ทุกปีสองปีเพื่อผลประโยชน์ทางภาษี แต่นั่นไม่ใช่คุณครับ จงซื้อรถแล้วรักษามันให้นานๆ
ขายรถที่ใช้มาน้อยกว่า 7 ปี การประหยัดที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณใช้หนี้หมดและขับมันนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ คนส่วนใหญ่ขายรถเร็วเกินไป มันถูกมากที่จะดูแลรักษารถให้ดีและใช้งานมันอย่างหนักก่อนที่มันจะหลุดเป็นชิ้นๆ
ถ้าคุณอยากจะซื้อรถมือสอง ลองคำนวนดูนะครับ รถใหม่อาจจะช่วยคุณประหยัดได้มากกว่าถ้าคุณดูแลรักษารถให้ดี
ขยายงบประมาณเกี่ยวกับรถ ตั้งงบประมาณให้เหมาะสมแล้วห้ามใช้เกินนั้น จงซื่อสัตย์กับตัวเอง ค่าใช้จ่ายอื่นๆมีเสมอไม่ว่าจะเกี่ยวกับรถหรือไม่เกี่ยวก็ตาม
แน่นอน บทความนี้อาจจะสุดโต่งและเป็นการมองมุมเดียวอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมชอบหนังสือที่ให้ความรู้แนวนี้มากครับ มันปฏิบัติได้จริงๆและมีผลลัพธ์ให้เห็นจริงๆ และมันดีกว่าหนังสือที่สอนวิธีคิดแต่ไม่สอนวิธีทำหลายเท่า จากประสบการณ์ที่ผมมองชีวิตคนอื่นผ่านไพ่ทาโรต์ ผมกล้าพูดเลยว่าเงินไม่ใช่เรื่องที่ล้อเล่นได้ ผมเชื่อว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราจ่ายไปมีหน้าที่ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นในทุกๆวัน และถ้าบางครั้งบริหารเงินไม่ดี เรื่องเงินเพียงเรื่องเดียวก็จะทำให้ชีวิตด้านอื่นๆเสียสมดุลไปโดยปริยาย
ขอบคุณเนื้อหาในหนังสือ ผมจะสอนให้คุณรวย ของสำนักพิมพ์นกฮูกครับ

ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาหลังจากไปเยี่ยมงาน Motor Expo ครับ ยอมรับแต่โดยดีกว่าเกิดกิเลสมากมาย
วิชญ์
www.Vittarot.com 