ครับ บอกก่อนเลยว่า ผมอ่านความเห็นของแต่ละท่านไม่ละเอียดนัก แต่ก็จะขอแสดงความเห็นบ้างละกันนะครับ
อย่างแรก โรงเรียนวัด พูดจาหยาบ โรงเรียนเอกชนมีชื่อ ค่าเทอมแพง
แต่ท่านอย่าลืมมองไปในส่วนของ โรงเรียน รัฐระดับกลาง ที่ไม่ใช่ เอกชนและค่าเทอมไม่ได้แพงอย่างที่คิด หรือเอกชนหลายที่ ค่าเทอมอยู่ในหลักหมื่นซึ่งสำหรับพ่อแม่ฐานะปานกลางน่าจะพอรับได้
ผมแปลกใจที่คนไทยส่วนใหญ่ มักเรียก โรงเรียนรัฐ ว่า โรงเรียนวัด ทั้งที่มันไม่ได้ต่างกัน อาจจะต่างแค่สถานที่ตั้ง
เด็กจะดี หรือจะ ไม่ดี ปัจจัยอยู่ที่ความคิดของตัวเด็กเองเป็นหลัก รองลงมาคือ เพื่อน และตามด้วย สถาพแวดล้อม
เห็นบอกว่า ไม่อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนวัด เพราะจะได้นิสัยชอบพูดคำหยาบมา ตรงนี้จะบอกว่า โรงเรียนมีชื่อหลายแห่ง ก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้
และโรงเรียนรัฐเอง อาจารย์ก็ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าว เด็กจะมีความเกรงใจและอาจจะพูดเฉพาะในกลุ่มเพื่อนเท่านั้น ต่อหน้าอาจารย์ หรือผู้ใหญ่ คงจะไม่ค่อยมีให้เห็นนัก
เรื่องการเข้าสังคม ภูมิคุ้มกันสภาพแวดล้อมด้านดังคม ตรงนี้ผมอยากจะบอกว่า โรงเรียนรัฐตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีพอสมควรเพราะด้วยปัจจัยสังคมหลายๆอย่างซึ่งผมไม่ถนัดจะอธิบายนัก
ส่วนข้อเสียของโรงเรียนรัฐ ที่ไม่ค่อยมีชื่อ เห็นจะเป็นเรื่อง ภาษาต่างประเทศ หลายๆโรงเรียนมีโครงการจ้าง เจ้าของภาษามาสอนแต่ก็ยังไม่เป็นผลนักแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้
จารีต ประเพณี และวัฒนธรรม ไทย อันนี้โรงเรียนรัฐก็ตอบโจทย์ได้ไม่ใช่น้อย มีการแข่งวิชาการในหลายๆส่วน มีหลักสูตรปลูกฝังจริยธรรม ตลอดการศึกษา
อาจจะแลกมาด้วยความเสี่ยงที่จะเดินทางผิด แต่ผมอยากจะบอกว่า การเรียนโรงเรียน รัฐมันก็เป็นเหมือนการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กถ้าเราคอยให้คำแนะนำต่างๆ
อาทิเช่น ไม่ให้เด็กพูดคำหยาบเวลาอยู่กับเรา หรืออยู่ที่บ้าน สอนเรื่องมายาทการพูด การฟัง
หากมอง โฮมสคูล มันเป็นการถ่ายทอดวิชาการ ผ่านสื่อต่างๆ ส่วนเรื่องนอกเหนือจากนั้น เราจะเป็นผู้ถ่ายทอดเอง ซึ่งผมมองว่ามันจะไม่ได้ดีเท่าแม่พิมพ์ในสถาบัน
ที่มีเทคนิคการสอน มีวิธีการ และความหลากหลาย ด้านศักยภาพ
สุดท้ายนี้ผมจะบอกว่า ผมคนนึงที่จบโรงเรียน รัฐมา และมีเงินพอที่จะให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนระดับกลางๆ แต่ผมเลือกที่จะให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนรัฐ
เพราะสิ่งที่ดีที่สุดหรับเด็ก ไม่ใช่ พรหมแดงที่ปูให้ แต่เป็นพื้นปูนที่จะให้เค้าก้าวเดินไปด้วยตนเอง โดยมีเราคอยประครองอยู่ห่างๆ เพราะหากเราละสาวตา เด็กล้ม เรารับไม่ทัน คนที่เจ็บคือตัวเด็กเอง แต่ถึงอย่างนั้น เค้าก็จะมีความระวังขึ้น ว่าหากล้มอีกจะต้องเจ็บอีก
สุดท้ายนี้ถ้าผิดพิมพ์อะไรผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดนอกจากการแบ่งปันความคิดเห็นครับผม