พี่ก็คิดอย่างคุณ log.how แต่สินค้าที่กำไรดีๆ คนมันจะซื้อทุกวันเหรอ เดือนนี้ซื้อ เดือนหน้าอาจไม่ซื้อ
เนื่องจากพี่เป็นคนงกค่ะ พี่ก็เลยมีร้านขายของราคาแพงเป็นของสะสม กับ สินค้าที่คนต้องใช้ทุกเดือนแต่เป็น ราคาส่ง คือซือ้ 6 ชิ้นขึ้นไป
เป้าพี่กำไรวันละ 6000 บาท บางวันอาจไม่ถึง พี่ก็ต้องมาวิเคราะห์ลูกค้า สินค้า เศรษฐกิจ แต่กำไรสูงมันจะมาวันเสาร์ อาทิตย์ ก็ได้ตามเป้าตลอด
และพี่ก็คิดว่ากำลังซื้อของคนไทยไม่ค่อยมี ขายของให้ต่างชาติดีกว่า เงินบาทก็อ่อนค่าด้วย
ขอบตอบเท่าที่อ้างถึงแล้วกันนะครับ
พูดถึงในกรณีขายกับต่างประเทศด้วย ebay แล้วกันนะ
ของกำไรดีๆ มันมีคนซื้อทุกวันมั้ย ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่ผมขาย ผมขายเป็นอาทิตย์ bid จบเป็นอาทิตย์ๆไป ไม่ได้ตั้งแบบ fixed price
และทุกอาทิตย์ ผมก็ขายได้ตลอด ได้กำไรมาก หรือน้อย ก็แล้วแต่สินค้าที่ขาย ซึ่งผมขายแค่อาทิตย์ละ 5-10 ชิ้นเท่านั้น และขายได้หมดทุกชิ้น
และลูกค้าหลายๆคนก็วนกลับมาซื้อเรื่อย ลูกค้าประจำก็มี "
เพราะผมวาง position สินค้าเพื่อจับกลุ่มคนทีมีรายได้ในระดับนึง"
ดังนั้นคนมีตังค์ ต่อให้เศรษฐกิจไม่ดี เค้าก็จะมีเงินมาซื้อครับ ถามว่าตอนปี 2008 กระทบมั้ย ก็มีนิดหน่อย กำไรลดลง แต่ก็ขายได้หมดทุกชิ้นอยู่ดี แทบไม่เหลือ
ต่อให้เหลือ อีกซักพักก็ขายออก
ถ้าขายของทั่วไป หาได้ง่ายๆในตลาดบ้านเรา มันก็ต้องมีคู่แข่งอยู่แล้ว ไปแข่งกันตายก็เท่านั้น
ลูกค้าไม่ได้มีแค่คนเดียวนะครับ เราจะเอาแค่ความคิดเรามาเป็นตัวตั้งไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือทดสอบสินค้า ทดสอบตลาด
ถ้าเอาเท่าที่คิดมาตั้งอย่างเดียวโดยไม่ทดสอบ อย่างนี้จบครับ ทำธุรกิจยากและปัญหาของหาย ไม่แน่ใจว่าคุณ trudy มีจำนวนเท่าไหร่ ของผมทำมา 7 ปี มีหายชิ้นเดียว

ซึ่งมันก็มาจากที่ผมเคยคิดให้ดูนั่นแหละ ว่าโอกาสเกิดมันจะน้อยมาก จนแทบไม่มี ถ้าเราไม่ได้ขายแบบเน้นจำนวน
แต่ให้หันมาเน้นที่คุณค่าของสินค้าเป็นหลักมากกว่า...

สินค้าราคาแพงมันจึง "
ไม่จำเป็นต้องขายได้ทุกวัน" แค่ "
ขายได้ทุกชิ้น"
ก็มีกำไรมากกว่าคนที่ขายได้เป็นพันชิ้นต่อเดือนด้วยซ้ำและที่บอกว่าคนไทยไม่ค่อยมีกำลังซื้อ อันนี้ผมขอเถียงครับ เพราะผมมีข้อมูลที่ได้มาจากการ "
ทดสอบจริง ขายจริง"
ซึ่งก็ขอ copy รูปจากที่ไปโพสต์ในอีกกระทู้มาใช้เลยแล้วกัน

ลองดูได้ครับ ขนาดสิ้นเดือนที่ยอดขายตกๆกัน ผมก็มี order เข้ามาทุกวัน กับการขายของในไทยนี่แหละ
บ้านเรา กำลังซื้อดีกว่าต่างประเทศซะอีก ผมทำมา 8-9 เดือน ก็ได้แบบที่เห็น
เดือนที่แล้วขายได้เกือบ 3 แสน ผมดูยังไงตลาดบ้านเรา กำลังซื้อตอนนี้สูงกว่าต่างประเทศแน่นอนครับ
และยิ่งที่บอกว่า "
ขายของให้ต่างชาติดีกว่า เงินบาทก็อ่อนค่าด้วย"
มันจะดีกว่ายังไงครับ???
เพราะยิ่งเงินบาทอ่อน เราก็ยิ่งได้กำไรน้อยลง คิดง่ายๆ เมื่อก่อนขายของ $1 ได้ 45 บาท แต่ตอนนี้ $1 ได้ 30 บาท
หายไป 15 บาทแล้วถ้าสินค้าไม่เด็ดจริง เรียกราคาไม่ได้แน่นอน ตอนนี้ลองเอามาม่าไปขายราคาเดิมก็ได้กำไรลดลงบานเลย
ถ้าบอกว่ายิ่งอ่อน เค้าจะได้ซื้อแยะขึ้น มันก็วนกลับมาที่เดิมอีกว่าต้องขายของเพิ่มขึ้นอีก ปัญหาก็ยิ่งจะมากขึ้นไปอีก
แล้วสินค้ามันคืออะไร จำเป็นต้องซื้อหลายช้ินหรือเปล่า มันก็ต้องดูด้วย และไม่ใช่ทุกคนที่จะซื้อเพิ่มแน่นอน
ผมถึงได้บอกว่าตลาดบ้านเรา ไม่ได้น้อยหน้าต่างชาติเลย เผลอๆตอนนี้ดีกว่าด้วยซ้ำ ผมแค่ขยายตลาดก็เท่านั้น ถ้ามีปัญหาทางฝั่งไหน เราก็มีตะกร้าอีกใบมารองรับเราอยู่ก็เท่านั้นเอง
ทุกอย่างที่ผมพูด ที่ผมเอามาแชร์ ได้จากการ "ทดลองและได้ผลแล้ว" เท่านั้นครับ ไม่มีการ "คิดเดาผลออกมาก่อน" แล้วเอามามโน สมมุติ นู่นนี่นั่น มาเล่าเป็นเรื่องราวแน่นอนขอบคุณคุณ loc.know ด้วยนะคะ ข้อเขียนของคุณ loc.know เป็น ไอเดียที่ดีมากค่ะ ขอโทษที่เขียนไม่ชัดเจน ทำให้นึกถึงตอนที่ทำ eBay ใหม่ๆ จะมาแชร์ประสบการณ์แบบที่ทำมาแล้วกัน
ทุกคนมีจุดอ่อนจุดแข็งต่างกัน ดังนั้นเราจะต้องหาจุดแข็งของเราให้เจอ
ประโยคที่ว่า
“
พี่ก็คิดอย่างคุณ log.khow แต่สินค้าที่กำไรดีๆ คนมันจะซื้อทุกวันเหรอ เดือนนี้ซื้อ เดือนหน้าอาจไม่ซื้อ”สินค้าพี่เป็นของสะสมราคาค่อนข้างสูง กำไรค่อนข้างดีมาก 10,000 กว่าบาทขึ้นไป แต่พี่ก็อยากเปิดร้านที่ขายสินค้าไทยตอนนั้นของสะสมใกล้หมดแล้ว
พี่ก็เลย
เปิดร้าน $30 shop สินค้าทุกอย่างราคา $30 ร้านอื่นอาจจะขายสินค้า A ราคา $ึ7 ต่อ 1ชิ้น แต่พี่ซื้อ 3 ชิ้นราคา $30 เพราะไม่มีคนส่งไปประเทศนี้ โดยมี ไอเดียจาก 30 บาท รักษาทุกโรค กำไรของสินค้าหนึ่งตัวต้องมากกว่า > 300 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย
เนื่องจากพี่ไม่ได้ทำสินค้า ที่เป็น consumer product เป็นคนแรก คู่แข่งของพี่คือ คนที่สอนอบรม ebay ที่จบจากมหาวิทยาลัยอีเบย์ กับคนที่ออกหนังสือ ebay ที่ตีพิมพ์ซ้ำ มากกว่า 13 ครั้งพี่ก็เลือกประเทศที่เขาไม่ส่ง โดยอาศัยประสบการณ์จากการทำงานที่เมืองนอก ทำให้พี่ลดความร้อนแรงของการแข่งขันที่ตัดราคา ราคาก็สูงกว่าชาวบ้าน
ขาย ebay มา 5 ปี แล้วค่ะ ไม่เคยโดนโกง สินค้าไม่เคยหาย มีแต่สินค้าตีกลับเพราะคนรับไม่อยู่บ้าน มีที่ลูกค้าได้ของไม่ครบ ก็ให้ลูกค้าไปติดต่อศุลกากร
เปิดร้าน$30 shop วันดีคืนดีก็มีคนมา copy สินค้าทั้งภาพ ทั้งรูป

ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนชื่อร้าน ขาย jewelry ที่ออกแบบเอง
เดือนที่แล้วขายได้เกือบ 3 แสน ผมดูยังไงตลาดบ้านเรา กำลังซื้อตอนนี้สูงกว่าต่างประเทศแน่นอนครับ
และยิ่งที่บอกว่า "ขายของให้ต่างชาติดีกว่า เงินบาทก็อ่อนค่าด้วย"
มันจะดีกว่ายังไงครับ???
เพราะยิ่งเงินบาทอ่อน เราก็ยิ่งได้กำไรน้อยลง” ขึ้นอยู่กับ Product ที่จะขายและความสามารถในการแข่งขันของคนขาย ถ้าเป็นต้นทางจะดีมาก พี่ก็นึกถึงตัวพี่อีก เพราะพี่มีความถนัดแค่ 3 หมวด คือหมวดของสะสม หมวดเครื่องประดับ หมวดสุขภาพ
ขายที่เมืองไทย 2 หมวดหลังแข่งขันกันสูง ตัวพี่เมื่อมาดูต้นทุนของตัวเอง เช่น การเงิน และแรงงาน มีแค่พี่กับคนข้างบ้านที่ช่วย pack ของ อีกทั้งเพื่อนพี่ทำเว็บขายของหมวดความงามแต่เว็บก็ถูกโคลนนิ่ง copy สินค้าที่ขายเกือบทั้งร้าน
พี่ก็เลยไม่อยากขายของที่เมืองไทยเท่าไหร่ และมีเรื่องการเก็บภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“ที่บอกว่าขายของให้ต่างชาติดี เงินบาทก็อ่อนค่าด้วย
มันจะดีกว่ายังไงครับ???
เพราะยิ่งเงินบาทอ่อน เราก็ยิ่งได้กำไรน้อยลง””ขอโทษทีเขียนตกไป ประโยคนี้ควรเขียนเป็น ตอนนี้ขายของให้ต่างชาติน่าจะมีรายได้ดีเพราะตอนนี้ค่าเงินบาทอ่อน
ค่าเงินบาท หมายถึง จำนวนเงินบาทที่ใช้นำไปแลกเปลี่ยนกับเงินตราต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ คนขายรับเงินจากลูกค้าเป็น $ อาจจะไม่ได้ rate 45 บาทต่อ $1 เหมือนสมัยก่อน แต่ก็ยังดีกว่า ตอนที่เงินบาทโดนโจมตีจากนักค้าเงิน ตอนนี้ได้ rate 31 บาทกว่าต่อ$1
เห็นด้วยกับคุณ log.know นะคะการทำธุรกิจonline ควรจะมีรายรับหลายทาง พวกน้องควรดูคุณ log.know เป็นตัวอย่างนะคะ เขาอ่านแล้วคิดตาม วิเคราะห์ อย่าเชื่ออะไรทั้งหมด