เป็นความคิดที่ดีมากเลยค่ะ ไม่ไปตั้งแต่แรกจะได้ไม่โดนครอบงำความคิด ทำให้เรามีวิธีการของเรา การตลาดซ้ำกับคนอื่นน้อยกว่า + ไม่เสี่ยงโดนหลอก
บางอันถ้าเราพอศึกษาระดับนึงแล้ว ไปนั่งฟังเขาพูด จะรู้ได้เลยว่าบางนี่ โม้เยอะค่ะ

หนัก ไม่ผิดกฎebay ต้นทุนห้าร้อยอัพ ไปรษณีย์ไทยส่งลำบาก กำไรอยู่ในช่วง $15-30
เป็นกฎที่เราใช้ในการหาสินค้าขาย เน้นของหนัก ยิ่งหนักยิ่งขายง่าย สินค้าเราส่วนใหญ่น้ำหนัก 300-400 กรัมขึ้น ถึงจะแข่งราคากับไปรษณีย์ไทยได้ง่ายหน่อย
หนัก = ศักยภาพในการแข่งขัน ถ้าน้ำหนัก 1 กก.พัสดุย่อยหลบไป ถ้า 1.5 กก. พัสดย่อยลงหลุมไปเลยค่ะ
ไม่ผิดกฎ = ขายเวบไหน เราก็รักเวบนั้น ต้องทำตามกฎ
ทุน 500 อัพ = หลีกเลี่ยงการแข่งขันจากพวกไม่ชอบลงทุน เน้นคุณภาพสินค้า บางทีของถูกมาก ถ่ายภาพสวย แต่เมื่อลูกค้าได้รับ ลูกค้าดูออกว่าของราคาถูก
กำไร $15-30 = ถ้าต้นทุนของอยู่ในช่วง 500-1000 เราจะต้องกำไรต่อชิ้น $15-30 ถ้าต้นทุนของ 1000-2000 กำไร $30-$40 แต่ก็มีแหวกกฎอยู่บ้างเล็กๆน้อยๆ ขายเสื้อยืดสกรีนต้นทุน 80 บาท กำไร $10 อันนี้เรามองว่ามันเป็นกำไรเหมาะสมสำหรับเรา
นอกจากนี้เรามีกฎหลายๆข้อในการทำงาน ตั้งขึ้นมาเพื่อลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เช่นไม่ทำ partial refund ไม่ส่งอีเมลขอให้ลูกค้ามาให้ฟีดแบค มีหลายข้อที่เราทำตรงข้ามกับที่อีเบย์แนะนำ แต่มันคือวิธีการทำงานของเรา ebay acc ของเราเป็น top rated plus ตั้งแต่ขายมามีลูกค้าเปิดเคสอยู่ 4 ราย ทุกเคสเคลียร์จบโดยไม่ต้องคืนเงิน มีปัญหาจุกจิกน้อยมาก มีเมลลูกค้าวันละไม่เกิน 2-3 เมล ส่วนใหญ่ถามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม กฎต่างๆถูกตั้งขึ้นมาเพื่อลดงานรูทีน ช่วงโลว์อย่างทุกวันนี้ เราใช้เวลาวันละ 1-2 ชม. ช่วงไฮเรามีพนักงานมาช่วย
กฎในการหาสินค้า เป็นกฎที่เราตั้งขึ้นมาตั้งแต่เริ่มวางแผนการขาย หลังจากลาออกจากงาน เราใช้เวลา 5-6 เดือนในการศึกษา ไม่เคยไปเรียน ที่บ้านไม่มีหนังสือสอนทำอีเบย์หรืออเมซอน อ่านจากเวบไซต์โดยตรง ที่ไม่ไปอบรมหรือไม่ซื้อหนังสือมาอ่านเป็นเพราะเราต้องการรู้ว่าเราจะสร้างสรรการทำงานที่เป็นสไตล์ของเรายังไง เราต้องการให้สไตล์การทำงานเกิดจากแนวความคิดของตัวเองที่ได้จากการศึกษาโดยตรงจากเวบ(ซึ่งเราถือว่ามันคือข้อมูลดิบ) แล้วเราก็เอากลยุทธ์ที่คิดขึ้นมานี้มาใช้ในการแข่งขัน เราแค่อยากรู้ว่ามันจะแข่งขันในตลาดได้มั้ย ณ ปัจจุบัน เราคิดว่าเรายังศึกษาอีเบย์ อเมซอนไม่ละเอียดพอ ถ้าเมื่อไหร่เรามั่นใจว่าเราศึกษาด้วยตัวเองพอแล้ว เราก็จะไปเข้าอบรม ไปดูว่าคนอื่นๆคิดยังไง ที่ไม่ไปอบรมตั้งแต่แรกเพราะไม่อยากให้ความคิดถูกครอบงำหรือจำกัด
เมื่อเราได้กฎ มีแนวทางในการทำงาน เราก็เริ่มเลือกสินค้าเข้ามาในลิส เมื่อได้ลิสสินค้า เราก็ไปเจรจากับชิปปิ้งเพื่อให้ได้ส่วนลดสูงในช่วงที่เราต้องการ เราไม่ได้มีดีลมาก่อน เมื่อดีลกับชิปปิ้งได้แล้ว เราจึงเริ่มสั่งสินค้ามาขาย
วิธีการที่เราคิดขึ้นมาอาจจะไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุด แต่มันเป็นวิธีที่เราอยากจะลองทำ
เมื่อเรียนเสร็จล้วต้องมีการต่อยอด ถ้าไม่ต่อยอด ไม่คิดใหม่ทำใหม่ เราก็จะขายของไม่ได้นาน ขอแชร์ประสบการณ์ แล้วกัน
1 เรื่อง limit 5 ชิ้น ขาย $250 ต่อเดือน สำหรับมือใหม่บางคนอาจจะเห็นว่า เสียเวลา แต่ เจ๊โหดคิดว่า มันคือโอกาสที่จะ ก้าวผ่านข้อจำกัด
พอผ่านได้แล้ว ก็พูดกับตัวเองว่ามันใช่เลย สมมติฐานแบบนี้ถูกต้อง คือ ต้องหาสินค้าที่คนสนใจแล้วมีคนมาประมูลเยอะๆ
2 การทำ โปรโมชั่นและโมษณา จะทำโปรโมชั่นตอนไหน แล้วใครเป็นกลุ่มเป้าหมาย ( target market)
Target Market หมายถึงคนที่สนใจจะซื้อสินค้าของเราที่วางขายบน eBay อ่านในหนังสือ จะมีบอกว่าช่วงนี้ จะขายอะไร เช่น วาเลนไทน์ ต้องมีสินค้ามาขายก่อนเดือน มค ขายสินค้าที่เกี่ยวกับความรัก เป็นคู่ เป็นเครื่องประดับ แต่เขาไม่ได้บอก target market คือใคร ตัวคนขายต้องจินตนาการเอา เอง ส่วนเจ๊โหดเองบันทึก Target Market ในตาราง excel เมื่อลูกค้าใหม่ซื้อของ เจ๊โหดจะจด email ลูกค้า รู้แม้กระทั่ง อาชีพ อายุ สถานภาพสมรส เจ๊โหดไม่บอกนะคะว่าทำอย่างไร แต่มันเป็นการใช้ การถามคำถาม ทางอ้อม อย่างเนียนๆ เช่น ผู้ชายสนใจผู้หญิง เขาจะไม่ถามตรงๆ ว่าคุณมีแฟนหรือยัง เขาจะชวนคุยโน่นนี่นั่น แล้วถามว่า คุณมีงานอดิเรกอะไร วันเสาร์ วันอาทิตย์ชอบทำอะไร
อย่างวันวาเลนไทน์ Target Market จะเป็นคู่รัก หรือ คู่ที่แต่งงาน เจ๊โหดจะส่ง email marketing ไป
3 Business Planอันนี้วัดผลในแต่ละเดือน
4 มีแผนงานที่ยืดหยุ่นได้ตลอดจะมีแผน A แผน B ซึ่งมีความสำคัญเท่าๆกัน ในตอนที่เป็น มือใหม่
แผน A คือ ทำความเข้าใจ Policy list ปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้า วิธีแก้ไข ทำไปเรื่อยๆ
แผน B คือ รายการสินค้าที่ลงไปมี คนมา watch กี่คน ของคู่แข่งมีคน Bid ไปหรือยัง ถ้าไม่มีคนมาประมูล บางที จะ relist แต่เปลี่ยนสินค้าใหม่ทั้งหมด หาสินค้าใหม่ที่มาแทนสินค้าที่ไม่มีคนมาประมูล ยอดขายตั้งราคาเท่ากันหรือน้อยกว่า
แต่ต้องอยู่หมวดเดียวกัน หรือ ยอดขายสินค้าเดิมตกเพราะคู่แข่งเยอะ จะ เอาสินค้าอะไรมาแทนดี
5 Competitor sheet ,Profit and loss sheet , Inventory Sheet ต้องมี
5 รู้จัก สู้เพื่อสิทธิ ลูกค้าดีบริการดี ลูกค้าตุกติก ต้องรู้ทัน เมื่อวันก่อน account manager ของ ebay โทรมา เจ๊โหดบ่นไปเรื่องตอบเมล์ ช้า และ process ของ ebay ไม่ชัดเจน 
เมื่อส่งเมล์ไปหา ebay แล้วไม่มีคำตอบภายใน 2 วัน ให้โทรหา ebay ทันที นะคะ มันมี case ที่ ebay ยังไม่ได้ลบ defect rate ให้เจีโหด
ทาง ebay บอกว่า transaction เกิน 3 เดือนแล้วลบไม่ได้ เจ๊โหดบอกว่า ส่งเมล์ไปแล้วไม่มีคำตอบ
Ebay จะมาบอกว่าส่งเมลแล้วต้องโทรติดตาม case ก็ไม่ถูก เพราะ ebay ไม่ได้เขียนบอกคนขายไว้
ที่จริงข้อมูลแบบนี้ ebay ควรประกาศไว้ที่เว็บ export.ebay.co.th
คนขายใหม่จะได้รู้ บางทีเบอร์ ติดต่อ ebay หรือ email ที่ติดต่อกับ ebay ก็เอาออก เพราะเจ้าหน้าที่ไม่พอ
ก็
เลยเสนอ ebay ไปว่า ให้ทำหน้าจอขึ้นมาก่อนที่ลูกค้าจะเปิด case หรือให้ Neutral หรือ Negative Feedback ต้องติดต่อคนขายก่อน มิฉะนั้น ไม่มีสิทธิเปิดcase หรือ ให้ Negative feedback จะได้ลดเวลาการตอบปัญหาของทีม support ด้วย
อย่างเช่น FB- คนขายเอาของหมดอายุมาขาย ที่จริงวันที่โชว์คือ วันที่ผลิตเป็นต้น
ไม่รู้ ebay จะรับไว้พิจารณาหรือไม่อีกอย่างที่ % ของ trace ที่ upload มันน้อยๆ เกิดจาก การส่งของจากไปรษณีย์ไทย
ตรง trace_no ต้องใส่ RR100123132TH ตรง Carrier ต้องพิมพ์เป็น THAILAND POST ตัวใหญ่ Application ของ ebay จึงจะสามารถนำค่าไปคำนวณ % trace upload ได้นะ ถ้าไม่ถามก็คงไม่รู้คำตอบ ที่แท้จริง ดังนั้นสงสัยอะไรก็ถาม eBay ไปนะคะ
