ผมได้มีโอกาสคุยกับคนที่ทำธุรกิจครั้งแรกแล้วมีทั้งที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากที่นั่งสังเกตวิธีคิด วิธีทำธุรกิจของคนที่ “เจ๊ง” ด้วยธุรกิจครั้งแรก มันทำให้ผมทราบว่าคนเหล่านี้มีบางอย่างที่เหมือนกัน สำหรับใครก็ตามที่กำลังอยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ยังไม่มั่นใจรวมถึงกลัวที่จะเริ่มต้น กลัวเจ๊ง คุณจะได้กำไรจากการเรียนรู้ความผิดพลาดของคนอื่นครับ
1. ไม่มีที่ปรึกษาที่ดี
การหาที่ปรึกษาที่ดีไม่ใช่การปรึกษาเพื่อนร่วมงานหรือมนุษย์เงินเดือนด้วยกัน ลูกค้าของผมส่วนใหญ่ที่เจ๊ง เพราะเลือกที่จะปรึกษาคนระดับเดียวกันที่ยังไม่เคยทำธุรกิจ เลยทำให้นอกจากจะขาดแนวทางที่ดี ยังขาดการเข้าใจปัญหาที่ถูกต้องอีกด้วย
2. เลือกคนผิด
หลายคนตัดสินใจทำธุรกิจครั้งแรกด้วยความไม่มั่นใจ เลยดึงเอาคนอื่นมาร่วมกันทำธุรกิจเพื่อเป็นหุ้นส่วน ประเด็นคือการหาหุ้นส่วนไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่ทำให้เจ๊งจริงๆตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้ บางคนหุ้นส่วนทิ้งงาน ทะเลาะกับลูกค้า มีความคิดเห็นขัดแย้งกันเอง เป็นต้น
3. ใช้เงินคนอื่นลงทุน
ตรงนี้ขัดแย้งกับความเชื่ออันเดิมของผมเป็นอย่างมาก หนังสือการเงินส่วนใหญ่สอนให้ใช้เงินคนอื่น แต่นี่คือสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เจ๊ง เพราะการเอาเงินคนอื่นมาลงจะทำให้มองไม่เห็นคุณค่าของเงิน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เอามาลงนั้นมีมูลค่าขนาดไหน คล้ายกับพ่อแม่ซื้อ iphone ให้กับเก็บตังค์ซื้อ iphone เอง ความรัก ความภูมิใจ การถนอมธุรกิจมันแตกต่างกัน
4. อายที่จะเป็นนักขาย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ คนที่เริ่มทำธุรกิจครั้งแรกหลายคนไม่กล้าที่จะเป็นนักขาย บริษัทใหญ่จะเจริญเติบโตและมีรายได้ได้อย่างไรถ้าไม่มีระบบการขายที่ดี ธุรกิจเล็กๆจะรอดได้อย่างไรถ้าการขายเป็นสิ่งที่ถูกละเลย
5. ซ้ำจนเกร่อ
รู้ไหมครับ ลูกค้าของผมส่วนเจ๊งจากธุรกิจอะไร ให้ทายซักครู่ 5… 4… 3… 2… 1… ลูกค้าส่วนใหญ่ของผมเจ๊งจากธุรกิจขายกาแฟครับ โชคดีในยุคนี้คือกาแฟกลายเป็นของทานเล่นที่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนใช้กินกัน ร้านกาแฟไม่ใช่ไม่ดี แต่ถ้าหาจุดที่ไม่ซ้ำคนอื่นไม่ได้โอกาสรอดก็ยาก (ลูกค้าผมท่านหนึ่งเปิดร้านกาแฟแล้วรวย เพราะเป็นคนสวยมาก)
6. คิดว่าเงินธุรกิจคือเงินตัวเอง
ข้อนี้เป็นเรื่องที่ประหลาดใจมากๆ เพราะลูกค้าผมที่ประสบความล้มเหลวบอกกับผมว่าทำแล้วไม่มีกำไร พอผมถามเรื่องต้นทุนกับการขายปรากฏว่ามีกำไรแน่ๆ ถามไปถามมา กำไรของธุรกิจถูกเอามาใช้กับเรื่องส่วนตัวหมด เลยทำให้กำไรเป็นขาดทุนทันที
7. หาลูกน้องดีๆไม่ได้
สำคัญใครก็ตามที่เปิดร้านแล้วต้องมีคนเฝ้า น่าประหลาดที่การหาลูกน้องเป็นเรื่องที่ยากมากๆในยุคนี้ หลายๆเจ้าของต้องลงไปทำเอง ซึ่งกำไรที่ได้ไม่คุ้มค่าตัวตัวเองแน่ๆ เลยทำให้ต้องตัดสินใจ เจ๊ง ไปโดยปริยาย บางคนได้ลูกน้อง แต่เอาลูกน้องมาดูปุ๊ปยอดตก เพราะได้ลูกน้องค่าแรงถูก แต่บุคลิกหรือการพูดกับลูกค้าไม่ได้เลย บางคนหนักหน่อย โดยขโมย
8. อีโก้แรง
การเป็นมนุษย์เงินเดือนคุณจะง้อหรือไม่ง้อลูกค้าก็ได้บริษัทคือส่วนเสียหาย ไม่ใช่พนักงาน แต่การทำธุรกิจครั้งแรกจำเป็นที่ต้องง้อลูกค้าอย่างมหาศาล ตราบใดที่รายได้ยังไม่สะพัด การหยิ่งเลือกไม่ง้อลูกค้าถือว่าเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง
9. ขาดความมั่นใจดื้อๆ
เวลาที่ลงทุนทำอะไรแล้วไม่เป็นไปอย่างที่คิด แรกสุดเราต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าเพราะอะไรทุกอย่างถึงไม่เป็นไปตามความคิด แต่คนส่วนใหญ่ที่เจ๊ง พอเจออุปสรรคที่นอกเหนือจากที่วางแผน ก็ท้อใจ และขาดความมั่นใจเอาดื้อๆ ทำให้หลายๆครั้งปัญหาเล็กๆอย่างเช่น ขาดทุน กลายเป็นสวิตช์ปิดตายความสำเร็จไปเลย
10. เจอเรื่องไม่คาดฝัน
ม็อบปิดถนน คู่แข่งมาเปิดแข่ง หุ้นส่วนทะเลาะแล้วขอแยก ลูกน้องทิ้งร้าน ลูกค้าไม่พอใจแล้วโวยวาย เป็นต้น สาเหตุเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ล้วนได้ชื่อว่าไม่คาดฝันทั้งนั้น ทำให้จำใจต้องเจ๊งไปโดยปริยาย
11. ศรัทธา Passive Income มากจนเกินไป
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจ้าของไม่ลงมาทำเอง หนังสือต่างๆมากมายรวมไปถึงนักพูดส่วนใหญ่เอา Passive Income เอามาใช้อย่างสวยหรู แน่นอน หลักประกันของ Passive Income มีสองอย่าง คือหนึ่งระบบคุณต้องแข็งแรงมากๆ และสองลูกน้องหรือผู้ร่วมธุรกิจจะต้องรักคุณมากๆจนไม่กล้าทำให้คุณผิดหวัง ส่วนใหญ่ไม่มีทั้งสองทาง เลยติดกับดักของ Passive Income
12. ไม่มีเวลา
มีลูก พ่อแม่ป่วย ย้ายบ้าน ย้ายที่ทำงาน การไม่มีเวลาดูแลธุรกิจเป็นเรื่องที่ยากมากๆที่จะทำธุรกิจเติบโตไปได้ ผมเห็นคนที่ไม่มีเวลาจะทำแล้วธุรกิจค่อยๆเจ๊งไปมาเยอะ ลูกค้าผมหลายท่านก็พูดให้ฟังเรื่องการบริหารเวลาที่มีน้อยมากๆเมื่อเทียบกับภาระ เลยกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ๊งไปเลย
13. ดูถูกธุรกิจตัวเอง
ทัศนคติเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายสำหรับธุรกิจ หลายๆคนดูถูกสิ่งที่ตัวเองทำ บางคนเรียนสูง เปิดร้านกาแฟแต่ไม่ยอมลงมาทำเอง เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่สมศํกดิ์ศรีการเรียนของเขา ความจริงคืออะไรที่หาเงินได้แล้วถูกกฏหมาย ถูกศีลธรรมมันไม่มีคำว่าเสียศักดิ์ศรีหรอก
14. ลงทุนไม่รู้จักจบจักสิ้น
การเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบเป็นสิ่งดี แต่หลายๆครั้งเงินทุนและกำไรทั้งหมดเอาไปลงเพื่อความสมบูรณ์แบบ ทำให้ต้นทุนของธุรกิจสูงจนน่าใจหาย สุดท้ายได้กำไรมาเท่าไหร่ ต้องหมุนเป็นเงินลงทุนหรือไม่ก็ดอกเบี้ยธนาคารทั้งสิ้น
15. คิดว่าการเริ่มต้นคือความสำเร็จ
หากคิดว่าความสำเร็จคือการเริ่มต้น นั่นเป็นความคิดที่น่ากลัวมาก ลูกค้าผมหลายคนเขารู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วหลังจากตัดสินใจลงมือทำธุรกิจ แต่ตอนที่ผมออกมาเป็น Freelance เองถึงได้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมโชคดีที่ได้รับโอกาสจาก CEO หลายท่านที่เมตตามอบหมายให้ทำงานให้ ทุกคนสอนผมเหมือนกันหมดว่าการเริ่มต้นยากและเหนื่อยที่สุด ดังนั้นคุณต้องทำใจการเริ่มต้นคือการเริ่มเหนื่อย มันยังไม่ใช่ความสำเร็จ
16. ทุกอย่างเป็นความผิดของคนอื่น
การเมือง เศรษฐกิจ เพื่อนร่วมงาน หุ้นส่วน พ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูงมิตรสหาย และเลวร้ายที่สุด คู่แข่ง และที่เลวร้ายที่สุด โทษ “ลูกค้า” การโทษคนอื่นเป็นการง่ายที่จะทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ผิด แต่คนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยล้วนเป็นคนที่โทษตัวเองเป็นอันดับแรกทั้งสิ้น ข้อดีของการโทษตัวเองคือมันจะได้รู้จุดที่ปรับเปลี่ยนตัวเองทัน แล้วเอาไปใช้เพื่อหาเงินหาทองครับ
17. หมดแรงก่อนถึงเป้าหมาย
อันนี้เป็นเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุด ความขี้เกียจ ท้อแท้ หมดแรงเป็นศัตรูตัวร้ายอยู่ทุกวงการอยู่แล้ว หลายๆคนทำธุรกิจด้วยความอยากทำ พอทำแล้วก็เกิดความขี้เกียจแล้วพาลไม่อยากทำ ผมอยากจะบอกว่าถ้าคุณรักในสิ่งที่คุณทำ คุณจะไม่มีวันขี้เกียจ เหตุผลเดียวที่คุณยังคงขี้เกียจ แสดงว่าคุณยังไม่มีเป้าหมายชีวิตที่อยากไปให้ถึงนั่นเอง คนที่มีชีวิตที่ดีคือคนที่สู้แล้วไม่ยอมแพ้ คุณคือนักสู้หรือเปล่า ถ้าใช่ ขอให้จดจำ 17 ข้อนี้ให้ดี แล้วชีวิตคุณจะพบเจอจุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าเดิม
สู้ๆ ฝันใครฝันมัน เราไม่ทำ ใครจะทำให้เรา
วิชญ์
Credit
http://www.vittarot.com 