ทั้งขโมย ทั้งฉ้อโกง
ยังไงก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะจะ
อย่าไปทำอย่างนั้น
เครดิต:
http://www.lawdd.net/ 
ความผิดฐานลักทรัพย์ คือ
การเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นอันมีลักษณะเป็นการตัดกรรมสิทธิ์ เจตนาทุจริตเพื่อเอาไปเป็นของตน ไม่ใช่การเอาไปใช้แล้วจะเอากลับมาคืน การลักทรัพย์ ความผิดจะสำเร็จเป็นความผิดต่อเมื่อมีการเคลื่อนที่ของทรัพย์ เช่น มือถืออยู่ในกระเป๋า เมื่อหยิบออกมาจากกระเป๋าย่อมถือว่าทรัพย์เคลื่นที่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ขโมยของที่ตั้งอยู่เช่น แจกัน เมื่อหยิบแจกันออกจากที่ตั้งก็ย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์แล้วความผิดฐานลักทรัพย์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีและปรับไม่เกิน 6,000 บาท
ความผิดฐานฉ้อโกง คือ
การหลอกลวงหรือแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่างๆเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวง ด้วยความเต็มใจมอบทรัพย์นั้นให้ โดยฉ้อโกงนั้นกำหนดเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ตัวอย่าง ฎีกาที่ 8490/2552 ใช้อุบายหลอกลวงงว่า สามารถทำธนบัตร 1 ใบให้เป็น 2 ใบได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบธนบัตรมให้แล้วจำเลยก็เอาธนบัตรนั้นไป ผู้เสียหายหลงเชื่อในอุบายทุจริตของจำเลย เป็นการกระทำผิดฐานฉ้อโกง
ความรู้เรื่องการความผิดฐานฉ้อโกง เพิ่มเติม
http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=1352 
จริงๆไม่ต้องไปถึงขั้นนั้น
แค่ลงมือทำจิตก็เป็นอกุศลเศร้าหมองแล้วค่ะ
ถ้าทำไปแล้วก็กลับไปแก้ไข
ถ้ารู้สึกได้ทันก็สามารถยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้

.