สร้างแบรนด์อย่างไร ให้เกิดเป็นแบรนด์การสร้างแบรนด์นั้น ใครๆก็อยากทำทั้งนั้น จึงเป้นเหตุให้มีหลายสินค้า บริการมากมายพยายามจะดันตัวขึ้นเป็นแบรนด์ เรียกได้ว่าผุดเหมือนดอกเห็ดเลยทีเดียว แต่จะมีสักกี่คนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ เรามาดููกันว่า กว่าจะเกิดเป็นบรนด์นั้น ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร. 1.
ความแตกต่าง การมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองนั้น มักจะเป็นจุดน่าสนใจเสมอ เปรียบเหมือนกับคนที่เป็นตัวของตัวเอง มักจะมีเสน่ห์ในตัวเอง หากมีคนจะซื้อสินค้า คงไม่มีใครอยากซื้อสินค้าที่ลอกเลียนแบบบรนด์อื่นมาหรอก จริงไหมคะ?
2.
ความเหนือชั้น ใช่ว่าแตกต่างแล้วจะน่าสนใจเสมอไป ต้องมีสิ่งที่ดีกว่าซ่อนอยู่ในความแตกต่างนั้นด้วย เช่น แบรนด์ครีม สิ่งที่แตกต่างก็อาจเป็นส่วนผสมที่ดีกว่า หรือการโปรโมทแบรนด์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุดและมากกว่า
3.
อย่าเก็บความดีไว้ อะไรในสินค้าหรือบริการของเราที่แตกต่างจากแบรนด์ตัวอื่น ทั้งดีกว่าและแปลกกว่า ให้โปรโมทจุดนั้นเป็นพิเศษ คนส่วนมากให้ความสำคัญกับสิ่งใหม่ ที่เขายังไม่รู้จัก สิ่งนั้นจะดูน่าตื่นเต้น น่าสนใจ เช่น ครีมมะหาด ตอนที่ครีมมะหาดโด่งดังใหม่ๆ สังเกตดูว่าก่อนหน้านั้นมีคนขายครีมมะหาดอยู่แล้วหรือไม่? ก็ไม่มี เมื่อคนเริ่มสนใจในความแตกต่างแล้ว ผู้ขายก็ดึงเอาประโยชน์ของมะหาดออกมาโปรโมทตัวสินค้า ว่าดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ จนแพร่หลาย ทั้งที่จริงแล้ว ส่วนผสมอื่นที่มีคุณสมบัติเหมือนมะหาดนั้นยังมีอยู่อีกมาก เพียงแต่ความแตกต่างเท่านั้น ที่ทำให้มะหาดโด่งดัง และเป็นแบรนด์ท่ามกลางครีมผิวขาวมากมาย
4.
เป็นเพื่อนกับลูกค้า ไม่ควรบริการลูกค้าเหมือนหุ่นยนต์ เช่น เราตั้งราคาขวดครีมไว้ที่ 250 บาท ในราคาต้นทุนที่ 150 บาท หากลูกค้าขอต่อราคา อย่าตั้งไว้ว่าจะลดให้ได้เท่าไหร่ ควรจะดูใจคุณลูกค้าเสียก่อน เช่น เขายังไม่มั่นใจในสินค้าของเรา แค่อยากลองใช้ และคิดว่าจะกลับมาใช้อีกหากได้ผลดี ขอต่อราคา 180 บาท แต่คุณแม่ค้ากำหนดไว้ว่าจะลดให้ไม่เกิน 200 บาทเท่านั้น แบบนี้คุณก็เสียลูกค้าท่านนี้ไป เพียงต้องการเงินอีกแค่ 20 บาทเท่านั้น ดังนั้นเราควรจะคุยกับลูกค้าให้เข้าใจ คุยเหมือนคุยกับเพื่อน เป็นกันเอง ไม่มีราคาตายตัว และมั่นใจว่าคุณลดราคาแล้วไม่ขาดทุน (การขายถูกเกินไป อาจเป็นการตัดราคา หรือส่งผลให้เมื่อขึ้นราคาในภายหลัง ลูกค้าจะรู้สึกไม่ดีต่อสินค้าได้)
5.
รับฟังเสมอ การขายสินค้านั้น ใช่ว่าขายไปแล้ว หรือให้บริการไปแล้ว จะจบที่ตรงนั้น การทำการตลาดคุณควรจะติดตามสินค้าด้วย เช่น ทำแบบสอบถามจากลูกค้าที่เคยใช้บริการไป ว่าเป็นอย่างไรบ้าง นำข้อเสียมาปรับปรุงให้เร็วที่สุด และรักษาข้อดีเอาไว้ จะดีมากหากมีการรายงานคุณลูกค้าด้วย เช่น คุณลูกค้าวิจารณ์มาว่า…
ครีมเหนียวเหนอะหนะเกินไปนะคะ แต่โดยรวมแล้วกันแดดได้ดีค่ะ
หากปรับปรุงสูตรครีมได้ ให้เหนียวเหนอะหนะน้อยลง แล้วแจ้งให้ลูกค้าทราบว่า
ปรับปรุงสินค้าแล้วนะคะ ลองใช้สูตรใหม่ ไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ
หรือจะทำสูตรใหม่ขนาดทดลองใช้ส่งไปให้คุณลูกค้าด้วย แค่นี้ลูกค้าของคุณก็รู้สึกดีแล้วค่ะ

อาจมีการบอกปากต่อปากอีกด้วย
6.
ช่องทางการขาย-ติดต่อ อันนี้ก็ควรจะมี Social ด้วย เนื่องจากคนส่วนมากนั้นล้วนเล่น social กันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น facebook twitter instagram ฯลฯ ช่วยเพิ่มกลุ่มลูกค้าด้วย ช่วยให้ลูกค้าสบายใจด้วย หามีโอกาสได้คุยโต้ตอบกับลูกค้าเป็นประจำ
7.ไม่ยุ่งยาก หลายครั้งที่คุณลูกค้ามักจะบ่นว่า..
อยากได้สินค้าชิ้นนี้นะ แต่ร้านนี้สั่งซื้อยากจัง ไปหาร้านอื่นดีกว่า
เสียลูกค้าไปเลยใช่ไหมคะ เพียงแค่ซื้อยากเพียงเท่านั้น อย่าลืมว่ายังมีร้านอื่นๆที่แข่งขันกับท่านอยู่ตลอดเวลา หรือเพียงแค่แม่ค้าตอบช้า ลูกค้าก็เริ่มไม่อยากได้สินค้าแล้ว
8.
รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นบริการที่รวดเร็วหรือการขายสินค้าที่ส่งของอย่างรวดเร็ว ลูกค้าจะอยากสั่งอีกเป็นครั้งที่ 2 และะจะมีครั้งต่อๆไปค่ะ แต่อย่าลืมคเรื่องของคุณภาพด้วย เช่น บริการรวมเร็วแล้วบริการดีไหม ส่งของรวดเร็วแล้วแพ็กของดีไหม ฯลฯ
9.
พูดจาดี อันนี้แม่ค้า พ่อค้าทุกคนต้องมีอยู่แล้วค่ะ การพูดจาดี ใจเย็น พูดด้วยความจริงใจ เป้นคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้เลย
10.
มองหาสินค้าหรือบริการอื่นๆอยู่เสมอ หัดเป็นคนช่างสังเกต นำข้อดีของบรการ-สินค้าแบรนด์อื่นๆ มาปรับปรุงเข้ากับสินค้าของเราอยู่เสมอ ให้สินค้าของเรามีการพัฒนาที่ดีขึ้นค่ะ
อ่านต่อ http://brand-concierge.com/bra...A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C/
