:]ขณะนี้ทาง Digihub Co.,Ltd. ได้มีโครงการจะเปิดให้บริการ CDN ในเร็วๆนี้ จึงได้มีการเปิดทดสอบให้บริการ Hosting พร้อมการใช้งาน CDN ฟรี จำนวน 30 user.
จุดประสงค์การให้บริการ : เพื่อทดสอบการให้บริการระบบ CDN
ระยะเวลาให้บริการ : 1ปี
จำนวนUSER : 30 USER
วันที่เริ่มให้บริการ : 27/07/13
เงื่อนไขการให้บริการ :
- เป็นไปตามเงื่อนไขการให้บริการปกติ ตาม TOSปกติ http://www.digihub.co.th/terms-of-service.php

- หลังจากเข้าร่วมโครงการ ขอให้มีการรีวิวการใช้งาน ตามประสิทธิภาพที่ได้รับ ในบอร์ดTSB นี้ด้วยครับ
- ถ้าUSERที่ไม่มีการอัพเดตข้อมูลเว็บไซต์หลังจากวันที่สมัคร ภายใน 1 อาทิตย์ หรือไม่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ระบบะจะทำการลบUSERโดยทันที
CDN Stater Web Trial package **CDN ที่ใช้ทดแบบเป็นแบบ Pull CDN **
- Web Space : 500 MB
- CDN Bandwidth : 5 GB/เดือน
- Domain Limit : Unlimited
- Sub Domain : Unlimited
- Control Panel : cPanel
สมัครได้ที่
http://www.digihub.co.th/cart.php?a=add&pid=21 
เท่านั้นนะครับ
โดยใช้ คูปอง : trialcdn
Content Delivery Network (CDN) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงเว็บไซต์โดยจะลดเวลาในการโหลดข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ ทำให้ผู้ชมเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณรวดเร็วขึ้น CDN แบ่งออกเป็นสองประเภทได้แก่
1.
Push CDN หรือ Origin Storage ลักษณะบริการของ CDN แบบ Push มีลักษณะการทำงานเหมือนกับเป็น server สำรองของเครื่องหลัก ที่ผู้ใช้เป็นผู้อัพโหลดคอนเทนต์ขึ้นไปบนเครือข่าย CDN โดยตรงและสามารถกำหนดวันหมดอายุและวันอัพเดตเนื้อหาได้ วิธีนี้ช่วยลดจำนวน traffic ในเครือข่ายได้เนื่องจากจะเกิด traffic เมื่อมีการอัพโหลดคอนเทนต์ใหม่เท่านั้น
สำหรับเทคโนโลยี Push CDN ข้อมูลสามารถถูกอัพโหลดขึ้นไปบน CDN ผ่านโปรโตคอล FTP หรือ rsync ข้อมูลในการอัพโหลดในครั้งแรกจะมีขนาดใหญ่แล้วจึงมีตารางการอัพเดตข้อมูลที่แน่นอนตามมาในภายหลัง Push CDN เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีการปรับปรุงเนื้อหาเป็นประจำทุกๆช่วงเวลาหนึ่งๆที่แน่นอน เช่น ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน แต่กรณีที่อัพเดตเนื้อหาทุกวันจะเหมาะสมกับ Pull CDN มากกว่า
2.
Pull CDN หรือ Origin Pull ลักษณะของ Pull CDN จะแตกต่างกับ Push CDN ตรงที่ server บน CDN จะเป็นตัวจัดการอัพเดตคอนเทนต์บนเครือข่ายให้เองโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องอัพเดตคอนเทนต์บนเครือข่ายเองและมีการกระจาย traffic บนเครือข่ายเท่าๆกัน ด้วยเทคนิค Pull CDN เจ้าของเว็บไซต์จะอัพเดตเว็บไซต์บน server ของตนเองจากแล้วเซ็ท URL ให้ชี้ไปที่ CDN จากนั้น CDN จะตรวจสอบว่ามีไฟล์ใดบ้างที่ต้องใช้ในเว็บไซต์นั้นๆที่ยังไม่มีบน CDN เมื่อตรวจพบ CDN จะวิ่งไปดึงไฟล์จาก server หลักก่อนแล้วมาเก็บไว้บน CDN เพื่อรองรับการเรียกใช้ในครั้งถัดๆไป CDN จะเก็บข้อมูลชุดนี้ไว้จนกระทั่งถึงกำหนดหมดอายุ CDN แบบ Pull สามารถ set up ได้ง่ายและประหยัดพื้นที่ในการเก็บไฟล์ แต่ในการเรียกดูไฟล์เป็นครั้งแรกอาจเรียกได้ช้ากว่าแบบ Push เล็กน้อย Pull CDN เหมาะกับเว็บไซต์ที่มี traffic สูงๆและมีการอัพเดตคอนเทนต์บ่อยๆ หลายครั้งต่อวันและไม่มีกำหนดเวลาการอัพเดตที่แน่นอน
แหล่งที่มา :
http://www.digihub.co.th/announcements.php?id=113 
Content Delivery Network (CDN) คืออะไร CDN ย่อมาจาก Content Delivery Network หรือ Content Distributed Network คือระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ประกอบด้วย ศูนย์ข้อมูล (Data Center) จำนวนมากที่เชื่อมต่อกันด้วยอินเตอร์เน็ท หน้าที่ของ CDN คือการส่งข้อมูลให้ถึงมือผู้ชมอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและพร้อมให้ผู้ชมเข้าถึงข้อมูลนั้นๆได้ตลอดเวลา มีการกระจาย traffic ไปยัง server จำนวนมากบนเครือข่ายเพื่อเป็นการช่วยลดภาระการรองรับ traffic จำนวนมหาศาลบน server เครื่องใดเครื่องหนึ่ง
คอนเทนต์บนอินเตอร์เน็ทที่ส่งผ่าน CDN นั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ, รูปภาพ, URL, script, ไฟล์มีเดียต่างๆ, ไฟล์เอกสาร, ซอฟท์แวร์, แอปพลิเคชั่นบนอินเตอร์เน็ท เป็นต้น ดังที่ได้กล่าวตอนแรกว่า CDN ประกอบด้วย server จำนวนมากซึ่งถ้าเป็น CDN ขนาดใหญ่ server เหล่านี้จะถูกติดตั้งไว้ตามประเทศในภูมิภาคต่างๆกันเพื่อรองรับ traffic จากผู้ชมในพื้นที่นั้นๆหรือพื้นที่ใกล้เคียง ผลที่เกิดขึ้นคือผู้ชมจำนวนมากจากแต่ละประเทศในทวีปต่างๆยังสามารถเรียกดูคอนเทนต์เดียวกันได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องความเร็ว
วิธีการทำงานของ CDN คือ CDN จะคัดลอกพวก static content เช่น รูปภาพ, css, javascript ที่ถูกอัพโหลดขึ้นบนเครือข่าย CDN ที่มี server วางอยู่ทั่วโลก เมื่อมีผู้ชมจากที่ใดๆก็ตามเรียก URL ของเว็บไซต์ที่มีโฮสต์หลักที่ใช้ CDN เทคโนโลยี CDN จะรีไดเร็คคำขอไปยัง server ในเครือข่ายที่อยู่ใกล้พื้นที่ที่ผู้ชมเรียกดูมากที่สุด เช่น เมื่อมีผู้ชมจากกรุงเทพเรียกดูเว็บไซต์ที่ฝากไว้บนโฮสติ้งหลักที่อยู่ในลอนดอน คำขอของผู้ชมจากกรุงเทพจากถูกรีไดเรคท์ไปที่เซิร์ฟเวอร์ในสิงคโปร์ เป็นต้น
ประโยชน์ของเทคโนโลยี CDN นี้นอกจากจะช่วยลด traffic ที่เกิดขึ้นกับ server หลักแล้ว ยังช่วยให้ผู้ชมเข้าถึงเว็บไซต์ได้รวดเร็วขึ้นเนื่องจากแทนที่จะรับส่งข้อมูลจากโฮสต์ซึ่งอยู่ไกลและต้องรับส่งข้อมูลเป็นทอดๆไปหลายโหนด CDN ช่วยลดจำนวนโหนดในการรับส่งข้อมูลลง และเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้รวดเร็วก็ยังส่งผลดีต่ออันดับบนGoogleเซิร์ชเอ็นจินด้วย นอกจากประโยชน์ด้านความเร็ว เทคโนโลยี CDN ยังช่วยเพิ่มความเสถียรในการทำงานของเว็บไซต์เนื่องจากเทคโนโลยี CDN ช่วยกระจายเวิร์คโหลดของ server ป้องกันไม่ให้ server เครื่องใดเครื่องหนึ่งงล่มเพราะทำงานหนักเกินไปได้
แหล่งที่มา
http://www.digihub.co.th/announcements.php?id=112 
ตัวอย่างการทำงานของระบบ CDN

ตัวอย่างค่าPing ของเว็บไซต์ในการดูแลของ Digihub Co.,Ltd.

