ต่อจากกระทู้นี้นะครับ
มารู้จัก PPV หรือ Pay-Per-View กันดีกว่า 
มีเพื่อนๆ หลายคนกังวล ไม่กล้าเริ่มทำ PPV เพราะเงินไหลเร็วมาก แต่จริงๆ แล้วมันไม่เป็นอย่างนั้นครับ เดี๋ยวผมจะอธิบายการทำ PPV ไม่ให้ขาดทุนกัน

มีเพื่อนๆ หลายคนลังเลไม่กล้าทำ PPV นะครับ หลายคนบอกว่าเคยทำแล้ว Deposit ค่าโฆษณาลง LeadImpact ไป $200 ไม่กี่วันเงินไหลหมดเลย และไม่ค่อยมี Conversion เกิดขึ้น ถ้าเกิดใครจะเริ่มทำ ต้องมีรู้เทคนิคอีกเยอะ ไม่งั้นเงินอาจหมดโดยไม่รู้ตัว ฯลฯ
ผมก็เลยตั้งใจมาสอนเทคนิคการทำ PPV ไม่ให้ขาดทุน หรือขาดทุนน้อยที่สุดนะครับ เอาจริงๆ PPV เป็น Traffic ที่เล่นง่ายมากๆ เลยนะครับในความคิดของผม แรกๆ ผมก็เงินไหลไปเร็วเหมือนกัน หลังๆ จับทางได้ละ รู้ว่า Keyword แบบไหนทำเงิน Offer แบบไหนเหมาะกับ PPV จากเงินไหลออก ทุกวันนี้ก็กลายเป็นเงินไหลเข้ากระเป๋าเรื่อยๆ ทุกวันเลยครับ
หลักการง่ายๆ ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมขอสรุปเป็นสามข้อง่ายๆ เลยละกัน
1. ตั้ง Daily Budget ก่อน Run Campaign
หลักการข้อแรกเป็นสิ่งที่ง่ายมาก แต่หลายคนอาจจะลืมทำกันตอนสร้าง Campaign นั่นก็คือการตั้ง Daily Budget หรือค่าโฆษณาต่อวัน ก่อนจะ Run Campaign ครับ โดยทั่วไปแล้วตอนเริ่มต้นสร้าง Campaign ใหม่ๆ ผมจะกำหนด Daily Budget ไว้ที่ $10 เสมอ เพื่อดูแนวโน้มว่า Campaign ของเราจะทำเงินรึเปล่า หรืออาจจะดูว่ามี Keyword ไหน Traffic สูงมากเกินไปแต่ไม่มีคลิ้กเลยบ้างรึเปล่า หลังจากผ่านไป 1 วัน ค่าโฆษณา $10 ของเราก็จะแปลงเป็นข้อมูลที่เราสามารถใช้ในการวิเคราะห์ Campaign เพื่อทำการ Optimize ต่อไปครับ
2. อย่า Bid Keyword ที่มี Traffic สูงๆ
ช่วงแรกๆ ที่ผมหัดทำ PPV ใหม่ๆ ผมก็เห็นว่าราคา Bid ต่อ Keyword มันถูกครับ ตก View ล่ะ $0.015-$0.03 เอง ก็เลยเลือก URL ที่มี Traffic มากๆ มา Bid ครับ เพราะคิดว่ามันน่าจะมี Conversion บ้างแหละน่า แต่ผลที่ได้ก็ด้านบนครับ เสียเงินไป $44.58 ได้มา 1783 Views แต่ไม่มี Conversion เกิดขึ้นเลย
สาเหตุที่ผมไม่แนะนำให้ Bid URL ที่มี Traffic เยอะๆ หรือพวกเว็บไซต์ดังๆ ก็เพราะว่าเว็บไซต์พวกนี้จะมีกลุ่มเป้าหมายเดิมๆ ที่เข้าเป็นประจำทุกวันอยู่แล้วครับ และกลุ่มคนพวกนี้เค้าไม่ค่อยสนใจ Popup หรอก ลองคิดเล่นๆ มีเพื่อนๆ คนไหนชอบเข้าไปอ่านเว็บบอลรึเปล่าครับ ผมเนี่ยะเข้าไปอ่าน SoccerSuck ทุกวันเลย ผมมีเป้าหมายในการเข้าไปอ่านข่าวบอลครับ พวกโฆษณาที่ผมเห็นจนชินตาแล้วผมไม่สนใจหรอกครับ
ในทางกลับกันถ้าเกิดผม Bid URL ที่มี Traffic น้อยๆ เว็บพวกนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเว็บที่มีบทความเฉพาะเจาะจง อย่างเช่นเว็บท่องเที่ยวครับ ถ้าเกิดใครไม่คิดจะไปเที่ยว ก็ไม่ค่อยเข้าไปดูหรอก จะเข้าไปดูก็ต่อเมื่อเราต้องการหาข้อมูลท่องเที่ยวเท่านั้น
ลองคิดเล่นๆ ครับ ถ้าเกิดเพื่อนๆ กำลังจัดทริปไปเที่ยวที่ไหนซักที่ จู่ๆ เว็บท่องเที่ยวที่กำลังดูมี Popup เด้งขึ้นมา บอกว่า “คุณกำลังหาโรงแรมถูกๆ ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวนี้อยู่รึเปล่า?” เพื่อนๆ จะคลิ้กเข้าไปรึเปล่าครับ? มันต้องมีคนคลิ้กเข้าไปดูอยู่แล้วใช่มั้ยครับ เพราะเหตุนี้ค่า CTR และ Conversion Rate ของ URL ที่มี Traffic น้อยๆ จึงสูงกว่าเว็บดังๆ ครับ
3. ติดตั้ง Tracking Code ก่อน Run Campaign ทุกครั้งการ Track หรือติดตามผลของ Campaign เป็นสิ่งที่หลายๆ คนมองข้ามไปนะครับ ผมจะบอกว่ามันสำคัญมากครับ ถ้าเกิดใครไม่เคยสนใจเรื่อง Tracking เลย ให้เริ่มสนใจตั้งแต่ตอนนี้ครับ เพราะถ้าเกิดเพื่อนๆ ตัดสินใจที่จะเล่น Paid Traffic แล้ว Tracking เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ครับ
สมมติว่าเรา Run Campaign วันแรก เสียเงินค่าโฆษณาไป $10 แต่เราไม่ได้ Track อะไรเลย มันก็ไม่ต่างอะไรกับการโยนเงินทิ้งลงแม่น้ำอ่ะครับ ในทางกลับกันถ้าเกิดเรา Track Campaign ของเรา ถึงแม้ว่าวันนั้นจะไม่มี Conversion เกิดขึ้นเลย แต่เรามีข้อมูลอยู่ในมือแล้วครับ เรารู้ว่า Keyword ไหนไม่ทำเงิน Landing Page ไหน CTR ต่ำ ฯลฯ เราสามารถนำข้อมูลนี้มาวิเคราะห์เพื่อ Optimize Campaign ของเราต่อไปได้ครับ
ยกตัวอย่างเช่นเรารู้ว่า Keyword ไหนมีคลิ้กเยอะมาก แต่ไม่ทำเงินเลย เราก็สามารถตัด Keyword นั้นออกจาก Campaign ของเราเพื่อ Cut Loss ได้ครับ หรือไม่ถ้าเกิดเราเห็นว่า Landing Page ของเราไม่มีคลิ้กเลย CTR ต่ำมาก เราก็สามารถปรับแต่ง Landing Page เพื่อเพิ่ม CTR ต่อไปได้ครับ
นี่ก็เป็นหลักการสามข้อง่ายๆ ที่เพื่อนๆ สามารถป้องกันการขาดทุนจากการ Run PPV Campaign ได้นะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนครับ
อ้อ ขอประกาศข่าวนิดนึงครับ เนื่องจากมีเพื่อนๆ อยากให้ผมเขียน eBook สอน PPV ให้ ผมก็เลยตัดสินใจเขียนหนังสือการทำ PPV ตั้งแต่ Basic จนถึงขั้น Advance ขึ้นมา ตอนนี้ก็ใกล้จะเสร็จแล้วครับ ยังไงไปกด Like ที่
iFourth FanPage 
เพื่อติดตามข่าวสาร eBook ตัวนี้กันได้ครับ
ที่มา:
http://ifourth.net/ppv/923/%E0...94%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/ 