จริงๆ ดังมากนานหลายปีแล้วและพึ่งออกข่าวไปเมื่อเร็วๆนี้
แต่ขอรวบรวมบทความจากที่ต่างๆ มาไว้ที่นี่ ให้นัก Internet marketer TSB ได้อ่านได้สะดวก เผื่อใครไม่รู้หรือยังไม่ได้อ่าน
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ให้ชาวเรา ต่อไป THAILANDตอนนี้รู้สึกว่าจะออกจาก Google แล้ว เปิดบริษัทเองที่ Silicon Valley และตอนนี้เห็นว่าจะสอนและคัดเลือกน้องๆ ผู้ที่สนใจ ไปร่วมทำงานด้วยกันที่ Silicon Valley สหรัฐอเมริกาด้วยกับ
โปรเจ็ค
DISRUPT UNIVERSITY รายละเอียดhttp://www.disruptuniversity.com/
http://www.facebook.com/DisruptUniversity 

คิดว่าหลายคนคงจำ “กระทิง พูนผล” อดีตคนไทยใน Google กันได้นะครับ หลังจากที่เรานำเสนอข่าวคราวเกี่ยวกับ Quipster ผลิตภัณฑ์ของเขามาได้พักใหญ่ เราได้ยินว่าเขาหยุดพักโครงการนั้นไปอย่างน่าเสียดาย แต่คราวนี้ “กระทิง” ก็สู้สุดใจสมชื่อ หวนกลับมาด้วยโครงการใหม่ซึ่งคิดว่าน่าจะถูกใจใครหลายคนแถวนี้ นั่นก็คือการเปิดโรงเรียนบ่มเพาะผู้ประกอบการ Tech Startup ในเมืองไทยที่ชื่อว่า “Disrupt University” พร้อมกับสโลแกน “Bringing Silicon Valley to Thailand”
เท่าที่ผมได้รับการบอกเล่าจากกระทิง Disrupt University จะเป็นการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่เป็นโครงสร้างผสมผสานระหว่าง Idea accelerator และ Experential learning ที่นำการเรียนรู้ทางด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ดีที่สุดจาก Silicon Valley มาสู่คนไทยที่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลิตภัณฑ์และบริษัท Startup ที่มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงและปฎิวัติอุตสาหกรรมทั้งอุตสาหกรรม เปลี่ยนแปลงประเทศทั้งประเทศหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้
ใน Disrupt University ของกระทิงนั้นมันจะเป็นโปรแกรมเรียนรู้อย่างเร่งรัดผ่านประสบการณ์จริง ที่จะนำเอาเครื่องมือและกรอบกระบวนการแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม จาก Silicon valley รวมทั้งเอาองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัย Stanford ที่เขาเคยเรียนมาถ่ายทอด โดย Disrupt MBA จะมอบประสบการณ์การเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนหลักสูตรใดๆ ในประเทศไทยที่คุณเคยได้พบมา โดย Disrupt MBA จะมีรูปแบบการเรียนรู้จาก Startup Accelerator และ Incubator ชั้นนำของ Silicon Valley ที่จะช่วยให้คุณออกแบบผลิตภัณฑ์ในฝัน หรือแม้กระทั่งเปิดบริษัทในฝันในเวลาเพียง 4 สัปดาห์
อันนี้ผมช่วยเขาขายของนะครับ แต่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด แต่ก็ต้องเชียร์ครับ เพราะในมุมมองของผม คนที่มีประสบการณ์แบบ “กระทิง” มีไม่กี่คนหรอกครับ และเห็นว่าคราวนี้ก็ไปดึงเพื่อนๆ ที่รู้จักกันมาจาก Silicon Valley ส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากที่นั่นมาร่วมด้วยช่วยสอนด้วย ทำให้การดึงเอา Silicon Valley มาใกล้เมืองไทยนั้นเป็นไปได้จริงมากยิ่งขึ้น
เครดิตhttp://thumbsup.in.th

ปล.เห็นลายเซ็นต์น้องคนหนึ่งในนี้(จำไม่ได้) เห็นบอกว่าอีก 8 ปี จะไปทำงาน google ยังไงก็ขอให้ฝันเป็นจริงแล้วกัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------ประวัติ เรืองโรจน์ พูนผล
ทุกคนอาจมีความฝันเป็นของตัวเอง แต่จะมีกี่คนที่เดินตามฝันได้อย่างใจปรารถนา หนุ่มกำแพงเพชร ผู้ซึ่งเคยผ่านสังเวียนธุรกิจสร้างเว็บไซต์ Google Earth ไปสู่คนทั้งโลก กระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของธุรกิจด้านการผลิตแอพพลิเคชั่นให้ใช้บริการบนโทรศัพท์มือถือ บริษัท น้องใหม่แห่งซิลิคอน วัลเลย์ สหรัฐอเมริกา แหล่งรวมบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกเทคโนโลยีก่อนจะเดินทางมาถึงสถานะการเป็นเจ้าของธุรกิจใหม่ถอดด้ามในวันนี้ คุณกระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล อดีตนักการตลาดมือฉมังคนหนึ่งของเว็บไซต์Google (Google) ซึ่งคนทั้งโลกรู้จักและคุ้นเคยกัน เป็นอย่างดี ในยามที่ต้องการสืบค้นข้อมูลผ่านโลกออนไลน์ บอกกับเราว่า เดิมทีเขาเป็นเพียงเด็ก ต่างจังหวัดขาดความมั่นใจและไร้ฝัน แต่ในที่สุดเขากลับกลายเป็นหนึ่งในคนไทยเพียงไม่กี่คน ที่สามารถเข้าไปแสดงศักยภาพจนเป็นที่ยอมรับ และโลดแล่นอยู่ในอาณาจักรซึ่งมนุษย์ไอทีหลายต่อ หลายคนใฝ่ฝันเข้าไปสัมผัสได้อย่างสง่างาม
เราอาสารับหน้าที่เป็นสื่อกลางการบอกเล่าเรื่องราว ตลอดทั้งเส้นทางของหนุ่มนักการตลาด ฝีมือระดับอินเตอร์ จากเด็กนักเรียนธรรมดาๆ ที่คุณครูประจำชั้นบันทึกลงในสมุดประจำตัว ว่าเป็นคน มีปัญหาทางด้านการคำนวณ แต่ที่สุดเขากลับเป็นเจ้าของเหรียญทองจากการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิก แห่งประเทศไทย และเหรียญทองแดงจากการแข่งขันคณิตศาสตร์์โอลิมปิกแห่งประเทศไทย
กระทั่งศึกษาจบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท การตลาดภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนที่จะก้าวสู่การเป็นนักเรียนเอ็มบีเอ (MBA)
ในมหาวิทยาลัยสแตนด์ฟอร์ด สหรัฐอเมริกา
จวบจนสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ ซิลิคอน วัลเลย์ ในตำแหน่ง Quantitative Marketing Manager ดูแลการตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ก่อนจะก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง ผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดของ Google Earth และเป็นเจ้าของธุรกิจด้านการผลิตแอพพลิเคชั่นให้ใช้บริการ บนโทรศัพท์มือถือของตัวเองได้ในที่สุดชายหนุ่มอารมณ์ดีบอกเล่าที่มาของชื่อเล่น “กระทิง” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ การเป็นนักสู้ที่ไม่หวั่งเกรงต่อศัตรูผู้ใด พร้อมเล่าย้อนอดีตกลับไปสู่วันวานของตัวเอง ก่อนจะก้าวมา สู่ความสำเร็จในระดับอินเตอร์ แท้จริงแล้วหาใช่คนที่เต็มไปด้วย ความมั่นใจเหมือนเช่นวันนี้
“ผมเป็นเด็กตัวเล็กที่เรียนหนังสือก่อนกำหนด และมักจะถูกเพื่อนแกล้งเพื่อนล้อเป็นประจำ ทำให้เป็นคนไม่มีความมั่นใจเลย ชีวิตเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงตอนประมาณ ป.3-ป.4 เพราะคุณครู ท่านหนึ่งบอกว่าผมเป็นเด็กที่เหมือนขาดความมั่นใจ แต่ดูมีศักยภาพ และเป็นเด็กที่มี
ปัญหาด้านการ คำนวณ”

“หลังจากนั้นคุณครูเริ่มสร้างความมั่นใจให้ผมด้วยการฝึกให้ผมอ่านออกเสียงควบกล้ำ ร-ล ให้ชัดเจน และส่งผมเข้าประกวดอ่านร้อยแก้วจนได้ที่ 2 ของจังหวัด ความมั่นใจที่ไม่เคยมีอยู่ในหัวใจ ก็เริ่มแผ่ซ่านสูบฉีดอยู่ในร่างกายผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และเริ่มมองหาความฝันให้กับตัวเองบ้างแล้ว เพราะคุณพ่อเป็นนักอุดมการณ์ที่คอยปลูกฝังให้ลูกๆ มีฝัน ของตัวเองเสมอ
“กระทั่งขึ้นชั้น ป.6 คุณครูอีกคนหนึ่งเริ่มเห็นแววความเป็นเด็กวิทยาศาสตร์ของผมในวันที่พา เด็กๆ ออกไปเรียนรู้นอกห้องเรียน ให้นักเรียนดูแมงมุมน้ำที่สามารถเดินบนผิวน้ำได้ เพื่อศึกษาเรื่อง แรงตึงของผิวน้ำ รวมทั้งอธิบายความเป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ผมทั้งตื่นเต้นและรู้สึก ชอบความเป็นเหตุเป็นผลของวิทยาศาสตร์ ชีวิตของผมจึงเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่นั้น
“คุณครูยังบอกอีกว่า ถ้าเธออยากประสบความสำเร็จด้านนี้จริงๆ เธอต้องสอบแข่งขัน โอลิมปิกวิชาการแห่งประเทศไทยให้ได้ ผมจึงเริ่มตั้งเป้า และสอบเข้าโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม จากเด็กไม่เก่ง กลายเป็นเด็กเรียนเก่ง และใช้เวลา 5 ปีเต็มก็สามารถคว้าเหรียญทองฟิสิกส์โอลิมปิก เหรียญทองแดงคณิตศาสตร์โอลิมปิก รวมถึงไปสอบแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับประเทศจนได้ที่ 3 มาได้” ประวัติชวนน่าสนใจ มาพร้อมแววตามุ่งมั่นยามเล่าถึงช่วงชีวิตที่พลิกผัน
จากนั้นบทพิสูจน์ครั้งที่หนึ่งซึ่งถือเป็นการตัดสินใจแรกในชีวิตของคุณกระทิงเริ่มต้นขึ้น เมื่อ เขาสามารถสอบเทียบ และสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้สำเร็จตามความ ประสงค์ของผู้เป็นพ่อที่ต้องการให้เขาเป็นหมอ โดยหมายใจให้ลูกชายดูแลรักษาแม่ที่มีโรคประจำตัว ป่วยเป็นหอบหืด จนอาการโคม่าหยุดหายใจมาแล้วถึง 6 ครั้ง
ทว่าเขากลับปฏิเสธหนทางสู่เส้นทางการเป็นหมอ เพราะค้นพบว่าอาชีพหมอไม่ใช่สิ่งที่ตัวเอง ต้องการ จึงตัดสินใจขออนุญาตคุณพ่อกลับไปเรียนต่อชั้น ม.6 อีก 1 ปี และสอบเข้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย
ตลอดระยะเวลาของการเป็นนิสิตในรั้วจามจุรีนั้น คุณกระทิงเริ่มตั้งเป้าหมายชีวิต ด้วยการ มองหาแบบอย่างให้กับตัวเอง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คือบุคคลต้นแบบในชีวิตที่ทำให้เขาสนใจ ยุทธศาสตร์ในการบริหารธุรกิจ เมื่อเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอย่างที่ตั้งใจ เขาจึงเริ่มต้นชีวิตการทำงาน ของตัวเองในตำแหน่ง Engineering Project Manager บริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชื่อดัง แห่งหนึ่ง
“ตอนนั้นทำงานเกี่ยวกับการบริหารโครงการทางวิศวกรรม ซึ่งตอนนั้น บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กำลังจะปิดฐานการผลิตที่เกาหลีและย้ายมาผลิตที่ประเทศไทยทั้งหมด ผมมีหน้าที่บริหารโครงการให้ได้ว่า ทำอย่างไรจะผลิตสินค้าที่สามารถรองรับตลาดเกาหลีได้ ลักษณะ งานกึ่งเทคนิคอลกับบริหาร เป็นช่วงเวลา 4 ปีที่มีความสุขกับการทำงานมาก เงินเดือนจากเริ่มต้นที่ หมื่นกว่าบาทก็เพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านค่อยๆ ดีขึ้น แต่สุดท้ายผมเริ่ม รู้สึกว่าชีวิตมันเรื่อยๆ สบายมากเกินไป ถึงจะมีอะไรใหม่ๆ ให้เรียนรู้ตลอด แต่พอผ่านไป 4 ปี ก็เริ่ม
รู้สึกว่าตามันไม่มีประกายแห่งความฝัน
“พอคุยกับคุณแม่ ท่านรู้สึกว่าที่ลูกทำเพราะว่าได้เงินเดือนเยอะ ได้เห็นว่าพ่อแม่มีความสุข แต่สุดท้ายกลับไม่ใช่การทำเพื่อความฝัน เมื่อกลับมาถามตัวเองจริงจัง เราก็รู้ว่าความฝันเรา คือ ดร.สมคิด แต่เมื่อเทียบกันแล้วตัวเรายังห่างไกลกับฝันของตัวเองมาก ประกอบกับตอนนั้นอินเทอร์เน็ต กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนมากขึ้น และเรารู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่อยากทำ” น้ำเสียงชัดถ้อย ชัดคำ คล่องแคล่ว เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
คุณกระทิงเท้าความถึงการทำงานครั้งแรกในชีวิตของตัวเอง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจขอย้าย แผนกไปอยู่ฝ่ายขาย เปลี่ยนจากงานบริหารกลายเป็นพนักงานขายยาสระผมที่ต้องออกตระเวนไป ทั่วทั้งประเทศ พร้อมกับตัดสินใจสมัครเรียนปริญญาโท ภาควิชาการตลาดหลักสูตรภาษาอังกฤษ (MIM) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์จึงได้เลื่อน
จากฝ่ายขายมาอยู่การตลาด ตอนนั้นเขากลับมาทบทวนเส้นทางความฝันของตัวเองอีกครั้ง หลังจากเริ่มมีความคิดจะเรียน ต่อระดับปริญญาเอก หวังเดินตามบุคคลต้นแบบในฝันของตัวเอง แต่แล้วก็กลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องก้าวตามโรล โมเดล ทุกย่างก้าว เพราะสุดท้ายแล้วแต่ละคนย่อมต้องมีทางเดิน ในชีวิตตามแบบฉบับของตัวเอง
“เราไม่ได้อยากเป็น ดร.สมคิด 2 แต่เราอยากเป็นกระทิงที่ 1 มากกว่า” เจ้าตัวเอ่ยด้วย น้ำเสียงหนักแน่นถึงจุดประสงค์แท้จริงในชีวิตของตัวเอง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หนุ่มวัย 28 ปี แต่ยอม ละทิ้งการงานมั่นคงในประเทศไทย ออกเดินตามความฝัน ด้วยการทุ่มเงินเก็บทั้งหมดเพื่อสมัครเรียน เป็นนักศึกษาเอ็มบีเอ ของมหาวิทยาลัยสแตนด์ฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ทว่าเงินทั้งหมดที่เขามี สามารถเรียนได้แค่เพียง 2 เทอมเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม ทั้งสมัครหาทุนการศึกษา ทำงานพิเศษ และต่อสู้
อยู่ในที่ที่เป็นเป้าหมายในชีวิตของตัวเองได้อย่างสวยงาม

“ทุบหม้อข้าวหม้อแกงเพื่อไปตายเอาดาบหน้าเลยครับ ถามว่ากลัวมั้ย ก็กลัวที่ต้องไปเผชิญ อยู่ในโลกที่เราไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อนคนเดียว แต่คุณแม่บอกว่าให้นึกเหมือนกับตอนลูกย้ายจาก กำแพงเพชรไปอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวนั่นแหละ ผมเลยมุ่งหน้าสู่สแตนด์ฟอร์ดด้วยกำลังใจจากคุณแม่ ถึงแม้จะต้องฝ่าฟันกับอะไรมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างในสแตนด์ฟอร์ดเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผม มีวันนี้ได้
“ช่วงแรกๆ ก็ปรับตัวยากมาก ทั้งเรื่องภาษา ทั้งเรื่องวัฒนธรรม และนักเรียนที่นั่นทุกคนล้วน แต่เป็นคนเก่ง คนดัง และเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต บอกได้เลยว่าท้อ ร้องไห้ตลอด เพราะ รู้สึกว่าเราไม่มีอะไรเลย เรียกว่าคนจนที่สุดก็ได้ แต่ก็ได้กำลังใจจากคุณแม่ที่ช่วยสร้างความมั่นใจ ให้ตัวเองด้วยการหาจุดดี จุดแข็งของตัวเอง จนในที่สุดก็ปรับตัวได้” นักล่าฝันตัวจริงเล่าเรื่องจริงจัง ให้ฟังสนุกสนานตามสไตล์ของเขา
นอกจากจะปรับตัวจนสามารถเอาตัวรอดอยู่ในสแตนด์ฟอร์ดได้เป็นอย่างดีแล้ว เขายังได้รับ การยอมรับจากเพื่อนๆ ด้วยการรับเลือกให้เป็นประธานชมรมการตลาด เป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการ และ เริ่มเข้าไปช่วยเพื่อนสร้างบริษัทไฮเทคในซิลิคอน วัลเลย์ รวมทั้งฝึกงานที่บริษัทแม็คคินซี ซึ่งเป็นบริษัท ที่ปรึกษาทางด้านกลยุทธ์อันดับ 1 ของโลก โดยคุณกระทิงคว้าปริญญามหาบัณฑิต
จากสแตนด์ฟอร์ดมาได้ เมื่อเขาอายุครบ 30 ปีเต็มพอดี
ชายหนุ่มเล่าถึงโอกาสในการทำงานกับบริษัทด้านการเงินยักษ์ใหญ่ที่เขาได้รับข้อเสนอเข้ามา มากมาย พร้อมกับผลประโยชน์ตอบแทนมหาศาลที่แม้ว่าจะยั่วยวนใจ แต่สุดท้ายเขายอมทิ้งข้อเสนอ เหล่านั้นทั้งหมดเพื่อมุ่งสู่เว็บไซต์ Google เสิร์ชเอนจินรายใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นทั้งเวทีโชว์พลังทาง ความคิด รวมทั้งเป็นสะพานนำทางให้เขาไปสู่จุดหมายตามที่ตั้งใจไว้
“ชีวิตในกูเกิลเป็น 2 ปีที่เหมือน 10 ปีครับ มีอะไรเยอะแยะไปหมด สำหรับงานแรกเป็นการ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ต้องทำงานร่วมกับคนที่ฉลาดมากๆ ของโลก เรียกว่าความฉลาดระดับ ปริญญาเอกของปริญญาเอกเลยทีเดียว บางคนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บางคนเป็นบิดา แห่งอินเทอร์เน็ต หรือเป็นบิดาแห่งวิชาปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งทั้งหมดมันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ส่วนงาน ที่สองย้ายมาทำการตลาดให้กับ Google Earth ผมเป็นผู้นำทำการตลาดทั้งโลกให้กับ Google Earth เป็นคนดูแลอีเวนต์ให้ทั้งหมด และกำหนดยุทธศาสตร์ในอนาคตว่าจะต้องทำยังไงให้คนเข้ามา ดาวน์โหลดโปรดักต์ของเราให้เยอะที่สุด“ที่ผ่านมาบอกได้เลยว่าประสบความสำเร็จ เพราะเป็นเว็บไซต์ที่มีใน 43 ภาษาทั่วโลก ถือเป็น โปรดักต์ที่มียอดผู้ใช้ 500 ล้านคนทั่วโลก และโปรเจกต์ที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ การเปิดตัว Google Moon ฉลอง 40 ปีของความสำเร็จในการขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ของมนุษย์ ด้วยการให้บริการสำรวจดวงจันทร์แบบเสมือนจริง ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของเราที่สามารถทำยอดทะลุ เป้าหมายที่ตั้งไว้ทางธุรกิจภายในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง” เขาเล่าถึงอภิมหาโปรเจกต์ที่ทุ่มเท ความมุมานะทั้งหมด เพื่อแสดงศักยภาพของตัวเองให้คนต่างชาติได้ประจักษ์ในฝีมือคนไทย

เมื่อสานฝันของตัวเองที่ต้องการทำงานใน Google ได้สำเร็จแล้ว คุณกระทิงจึงกลับมาเริ่มต้น เดินสู่ฝันอันสูงสุดของเขาอีกครั้ง ด้วยการตัดสินใจลาออกจากสุดยอดเว็บไซต์แห่งนี้ โดยหันมาสร้าง ธุรกิจเป็นของตัวเองอย่างจริงจังในอาณาจักร ซิลิคอน วัลเลย์ ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวเผยให้เรารู้ได้แค่ว่า ธุรกิจใหม่ของเขาเป็นการให้บริการแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ รวมถึงบริการ Social Networking เหมือนกับเว็บไซต์ Facebook ที่กำลังนิยมกันอยู่ขณะนี้
“ไม่ได้ตั้งเป้าอะไรมาก ถ้าจะประสบความสำเร็จสำหรับผมก็คืออาจจะขายได้สักหลักพัน ล้านบาท ซึ่งจริงๆ สุดท้ายอาจไม่ได้ถึงขนาดนั้นก็ได้ สมมติว่าประสบความสำเร็จมีรายได้หลักพัน ล้านบาท ก็ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในซิลิคอน วัลเลย์ ถือว่าไม่มากมาย แต่ผมสามารถ ขยายต่อทวีคูณเงินได้เป็นหมื่นล้าน และนำมาลงทุนกับผู้ประกอบการคนไทย ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ จะช่วยเปลี่ยนแปลงเมืองไทยได้อย่างมหาศาล เมื่อเราสามารถขยายสร้างผู้ประกอบการได้เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้คนไทยกล้าฝัน กล้าที่จะเป็นผู้ประกอบการ สร้างนวัตกรรม สร้างเทคโนโลยีที่เป็นของ คนไทยจริงๆ เพราะคนไทยเราเก่งเรื่องเทคโนโลยี จุดนี้จะทำให้คนไทยรู้สึกว่าเราไม่ต้องเป็นคนมี นามสกุลใหญ่โต ไม่ต้องมีเส้นสาย ไม่ต้องวิ่งใต้โต๊ะ แต่สุดท้ายเราสามารถประสบความสำเร็จ บนเวทีโลกได้ และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำตรงนี้ให้เกิดขึ้นได้ก็คงจะดี และนั่นคือ Ultimate Goal ของผม ซึ่งถ้าทำได้ทั้งหมดนี้ก็ถือว่าพอแล้ว”
คุณกระทิงเล่าถึงความฝันและความตั้งใจสูงสุดของเจ้าตัว ซึ่งเขาเล่าด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ยืนยันอย่างหนักแน่นจะทำฝันของตัวเองให้เป็นจริงให้ได้ภายในอายุ 40 ปี และอีกหนึ่งความฝันที่เขา ตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ภายใน 3 ปี ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 35 ปี คือต้องเก็บเงินให้ได้ 10 ล้านบาท เพื่อพาคุณพ่อคุณแม่เที่ยวรอบโลก ด้วยการเหมาเครื่องบินยกลำ พร้อมอุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงหมอและพยาบาลขึ้นเครื่องบินไปด้วย เพื่อคอยดูแลอาการของคุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด ซึ่งเป็นอุปสรรคในการขึ้นเครื่องบินอย่างใกล้ชิด
ทั้งหมดล้วนเป็นฝันที่เริ่มต้นจากเด็กต่างจังหวัดตัวเล็กๆ ที่ขาดความมั่นใจ แต่สุดท้ายเขา สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพ จนเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลกได้ด้วยวัยเพียง 32 ปี ทว่าเขาจะ ล่าฝันครั้งใหม่ให้เป็นจริงอย่างที่ยืนยันได้หรือไม่ คงต้องติดตามเอาใจช่วยให้คนไทยได้เป็นหนึ่งใน โลกไอทีกันต่อไป
Name:เรืองโรจน์ พูนผล
Education:-มัธยมปลาย กำแพงเพชรพิทยาคม
-ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-ปริญญาโท ด้านการตลาดภาคภาษาอังกฤษ (MIM) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
-โรงเรียนบริหารธุรกิจสแตนฟอร์ด (Stanford Business School)
Career Highlights:-ทำงานที่บริษัท P&G 6 ปี 6 แผนก
-เป็นที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์อย่างบริษัท McKinsey&Company
-บริษัทการเงินและการลงทุนส่วนตัวกับบริษัท Navis Capital
-ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Google (Quantitative/Product Marketing Manager Google Inc.)
ผลงานเขียน
เครดิต:http://www.positioningmag.com
http://www.whoweeklymagazine.com
http://www.skunttz.com 