สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆสมาชิก thaiseoboard วันนี้มีเนื้อหาสาระดีดีมาแบ่งปันกันอีกครับ
กด + 1 เพื่อเป็นกำลังใจนำสิ่งดีดีมาแบ่งปันทุกท่านอีกครับ
หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นและ Thank + 1 รวมถึงพลังเงียบครับ ^__^===============================================================
มาดูวิธีการใช้ Meta tags กันเลยดีกว่าครับปกติแล้วเราก็แทรก meta tags ไว้ในส่วนของ head ใน html นะครับ
<html>
<head>
ส่วนของ meta tag จะอยู่ตรงนี้ครับ
</head>
<body>
เนื้อหาเว็บ
</body>
</html>
โดยที่ค่า Meta tags ที่สำคัญและบรรดา Webmaster ทั้งหลายนั้นควรจะใส่เพื่ออันดับที่ดีใน search engine ทั้งหลายมีดังนี้ครับ
1. Keywords คือ คำสำคัญ ที่บอกสามารถอธิบายได้ถึงเว็บเรา คั่นด้วยเครื่องหมาย comma
โดยจะเขียนในรูปแบบนี้
<meta name="keywords" content="keyword1,keyword2,keyword3">
ในส่วนของ keywords นั้น ควรจะเป็น คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในเว็บของเรา ทั้งนี้ไม่ควรใส่มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ถูกมองว่าเป็นการทำ Keyword spam ได้
2. Description คือ คำอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับเว็บของเรา
โดยจะเขียนในรูปแบบนี้
<meta name="description" content="นี่คือเว็บไซต์ของเรานะครับ">
ส่วนของคำอธิบายควรจะมีความกระชับ ครอบคลุม สื่อถึงเว็บของเราได้เป็นอย่างดี และทาง Google แนะนำว่า ในหน้าเว็บแต่ละหน้าควรจะมี description ที่ไม่ซ้ำกับหน้าอื่น และไม่ควรใช้ keywords ล้วนๆมาทำเป็น description ครับ
3. Author คือ ส่วนที่บอกว่าใครเป็นผู้สร้างเว็บขึ้นมา ควรจะใส่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เว็บ
โดยจะเขียนในรูปแบบนี้
<meta name="author" content="visavavit saidum">
ทั้งนี้อาจจะใส่เป็นชื่อจริงหรือ E-mail Address ก็แล้วแต่สะดวกครับ
4. robots คือส่วนที่จะตั้งค่าให้ Web Crawler จาก Search Engine ใช้ในการเก็บข้อมูล
โดยจะเขียนในรูปแบบนี้
<meta name="robots" content="index, follow">
สำหรับความหมายของ index คือการกำหนดว่าให้ Search Engine มาเก็บข้อมูลหรือไม่
หากตั้งค่าเป็น index คือ ให้เก็บ และหากไม่ต้องการก็สามารถใส่ค่า noindex
และในส่วนของ follow คือการตั้งค่าให้ไปเก็บข้อมูลใน link อื่นๆในหน้าเพจ
หากตั้งค่าเป็น follow คือ ให้ตาม และหากไม่ต้องการก็ใส่ค่า nofollow ได้
ทั้ง 4 ข้อนี้ถือเป็น meta tag ที่สำคัญสำหรับ Webmaster ที่มุ่งเน้นการทำ SEO
นอกจากนี้ยังมีค่า meta tag เพิ่มเติมอีกมากมาย เช่น
ค่า charset ในการกำหนดภาษา (Encoding) ของเว็บ
<meta http-equiv="charset" content="tis-620">
ค่าที่ใช้ในการ Redirect ไปเว็บอื่น
<meta http-equiv="refresh" content="10;url=http://webdesign.about.com/">
Onpage Optimization ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Search Engine Optimization (SEO) หรือการปรับแต่งให้เว็บของเราให้ขึ้นไปอยู่เป็นผลการค้นหาแรกๆของ Search Engine นั่นเองครับ
Onpage Optimization นั้นประกอบไปด้วยหลายส่วนด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหาของเว็บ , จำนวน keywords (keyword density) , ขนาดของเว็บ , จำนวนลิงค์เข้าออก
และยังรวมไปถึงคำสั่ง Meta Tags นั่นคือ ส่วนที่บอกข้อมูลเบื้องต้นของเว็บเรานั่นเองครับ
จะเห็นได้ว่าเราสามารถทำอะไรหลายๆอย่างกับค่า meta tag ได้มากมาย
หากมีการตั้งค่าที่เหมาะสมก็จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเว็บไซต์ของเรา อย่างมหาศาลครับ
Note : เครื่องมือในการช่วยสร้าง meta tag ให้อัตโนมัติ - http://www.addme.com/meta.htm 
Credit :
http://thepcom.blogspot.com Credit :
http://ipbthai.com เป็นเรื่องปรกติสำหรับนัก SEO อย่างเราๆ จะต้องให้คำแนะนำลูกค้าเพื่อให้เค้าปรับแต่งเว็บไซด์ใหม่เพื่อง่ายต่อการค้นหามากขึ้น
แต่มันก็น่าเศร้านะ เพราะหลายๆ เรื่องที่เราให้คำแนะนำไป จริงๆ แล้วมันควรที่จะถูกจัดทำขึ้นระหว่างการเขียนเว็บ
หรือถูกวางแผนก่อนที่จะทำซะด้วยซ้ำ "มันแปลกดีนะ" ว่าไม่ว่าชาว SEO จะพยามบอกผ่านเว็บต่างๆ มากมาย
แต่นักพัฒนาเว็บไซด์จำนวนมากก็ยังไม่เข้าใจแนวคิดพื้นฐานเรื่อง SEO อยู่ดีซึ่งมันก็เป็นเหตุที่ทำให้เว็บไซต์มากมายต้องโดนแก้ใหม่หมด
ทั้งเว็บโดยเหล่านัก SEO ภายหลัง เอาล่ะที่นี้ไม่ว่าคุณกำหลังออกแบบเว็บกันอยู่ หรือจะไปซื้อ หรือเอา template ที่ไหนก็ตามมาใช้
หรือจะจ้างบริษัทต่างๆมาพัฒนาเว็บ ขอให้มั่นใจเลยว่าถ้า 18 ข้อ ต่อไปนี้ถูกจัดการพัฒนาไปพร้อมๆ กันก่อนเว็บจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการล่ะก็
คุณจะไม่ต้องมานั่งผ่าตัดครั้งใหญ่ ให้กับเว็บไซด์ของคุณภายหลัง ขอแค่ทำตามแนวทางต่อไปนี้ เว็บไซด์คุณก็จะง่ายต่อการที่ SEO จะหาคุณเจอตั้งแต่เริ่มเลยล่ะ
1.ศึกษาเรื่อง Keyword ก่อนลงมือพัฒนาหน้าเวป
SEO นั้นเริ่มจาก keyword และถ้าคุณแน่วแน่ว่าจะเผยแพร่ เวปของคุณผ่าน seo คุณก็ควรจะทราบอยู่แต่แรกแล้ว ว่า keyword ไหนที่คุณจะใช้ก่อนที่จะเริ่มทำเวป ขอย้ำอย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่นจัดการเรื่อง keyword เป็นอันดับแรกเสมอ ผมขอยกตัวอย่างเว็บตาม link ด้านล่างนี้นะครับ
สุดยอดกระบวนการค้นคว้าเรื่องการตั้ง Keywords
2. เปลี่ยน Non-www ไปเป็น WWW ให้เรียบร้อย
คุณจะต้องแปลกใจเมื่อพบว่า เวป จำนวนมากไม่ได้ถูกจัดทำในรูปแบบ WWW ซึ่งเกิดจากการที่มันถูกสร้างขึ้นเพื่อจำลองหน้าเวปหลักของคุณซึ่งจะทำให้เสีย โอกาสจากการที่ต้องเกิด link ที่ไม่จำเป็น เวลาชาวเวปต้องมากดเลือกว่าจะเอา version ไหน ตัดสินใจให้ชัดว่า URL เวอร์ชั่นไหนที่คุณอยากจะใช้ แล้วจัดการ 301redirect อย่างอื่นที่เหลือไปที่เวอร์ชั่นนั้น จบ
3. โปรดใช้โครงสร้าง URL ชนิด Static
Dynamice URL เป็นที่มาของเรื่องปวดหัวหากคุณจัดการมันไม่ถูกต้อง ดังนั้นอย่างเสี่ยง ให้มั่นใจว่าเวปของคุณมีระบบ URL rewrite ที่ถูกต้อง ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งวุ่นวายกับ dynamic URL ดีที่สุดซึ่งก็จะมีอยู่ 2 วิธีก็คือ Mod_Rewrite และ 404 Page Not Found สำหรับ ก็สามารถ URL rewrite ได้ครับ
4. จัดให้ หัวข้อสินค้า และ บริการแต่ละชนิด มีชื่อ URL ที่เฉพาะของตัวเอง
เพื่อที่จะขจัดปัญหาเรื่องเนื้อหาที่ซ้ำไปซ้ำมา ให้มั่นใจว่าบริการแต่ละชนิด มีชื่อ URL ที่เฉพาะของตัวเอง แม้ว่า มันจะสามารถเข้าถึงได้จากหลายตำแหน่งบนเวปของคุณ
5. มั่นใจว่าเวปคุณสามารถ Redirect ได้
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณอาจจะต้องเอาหน้า page ลงและทำการ redirect ไปที่เนื้อหาอื่น ทำไมเหรอ? ก็เพราะการถอดหน้าpage ออกเฉยๆหลังจากไม่ใช้มัน ทำให้คุณสูญเสีย link ต่างๆที่ได้มาระหว่างที่หน้าpageนั้นเคยเปิดอยู่ไง ดังนั้นได้โปรดจัดให้หน้าpage สามารถ 301 redirect ได้เสมอนะ
6.สร้าง custom 404 page ไว้ด้วย
ข้อดีก็คือ หากคุณมี custom 404 pageไว้ อย่างน้อยผู้ใช้เวปก็ทราบได้ว่าเขาเข้ามาถูกเวปแล้วละ เพราะหากไม่มีหน้าpageนี้ใครๆก็คงคิดเอาว่า เวปของคุณปิดไปแล้ว และ ก็ไม่รอช้าที่จะกดไปที่เวปของคู่แข่งของคุณแทน
7.ให้ดูแล Keyword ใน Alt Attributes
Alt attributes มักจะถูกลืมให้ความสำคัญไป แต่ถ้าคุณดูแลข้อมูลส่วนนี้ให้ดีๆ มันสามารถช่วยแจ้งให้ SEO ค้นหาหน้าเวปของคุณได้ดีขึ้น เทคนิคง่ายๆอย่างหนึ่งก็คือ อย่าได้ ยัดเอา Keyword ประโยค หัวข้อทุกสิ่งอย่างลงไปในนั้นเด็ดขาด
8. เผื่อพื้นที่สำหรับเนื้อหาไว้ด้วย
ผู้ออกแบบเวปบางคนออกแบบหน้าเวปซะสวยงามจนลืมไปเลยว่าต้องเผื่อพื้นที่สำหรับเนื้อหาแบบ text ด้วย เพราะนั่นคือส่วนที่ SEO จะจ้องหา ดังนั้นให้มั่นใจว่าเผื่อพื้นที่สำหรับเนื้อหาไว้อย่างเหมาะสม ทั่วไปแล้วก็คือประมาณ 150-200 คำ ถ้าอยากให้ page นั้นๆได้อำดับที่ดี และก็ต้องให้มั่นใจว่า ได้จัดวางโครงสร้างของเนื้อหาอย่างถูกต้อง โดยมี H1 tag อยู่บนสุด จากนั้นก็แยกส่วนของเนื้อหาลงมาก ด้วย H2-H6 tag ตามสมควร แอบใส่ Keyword ไว้ตามหัวข้อหลักและเนื้อหาบ้าง แต่ได้โปรดอย่ายัดซะเยอะเกินละ
9. จัดทำโครงสร้าง Link ภายในให้เรียบร้อย
นี่ก็เป็นอีกจุดที่มักจะถูกมองข้ามไป เอางี้ขอแนะนำให้ไปอ่านบทความของ Ken Lyons เรื่อง Want More Link Juice? Here’s an Easy Way to Get It ข้างในมีรายละเอียดครบถ้วนเกี่ยวกับการทำ Link
10. สร้างรูปแบบคงที่ให้กับโครงสร้างของ title ของคุณ
หน้าเวปที่ดีควรจะใช้โครงสร้างtitleชนิดเดียวกันทั้งเวป เลือกซักอันที่คุณถนัดแล้วก็ลุย ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็คือการมีรูปประโยคที่ รวมเอา Keywords หลักของหน้าpage และ อธิบายว่า page มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ต่อตัว separator เช่น – หรือ or ตัวอย่างเช่น “Professional SEO Services for Organic Website Optimization | SEO.com” โดยใช้คำประมาณ 65-70 ตัวอักษาก็พอ จะได้ไม่เฝือเวลาแสดงผลออกมา
11. ใส่ Meta Descriptions ในทุกๆหน้า page
ในเมื่อ SEO สามารถเลือกเอา Meta Descriptions เป็น snippet ของเวปคุณในการแสดงผล ก็ควรที่จะมี Meta Descriptionsเฉพาะของแต่ละหน้าpage ไปเลย ซึ่งของตายก็คือ มี keyword หลัก และเสริมด้วย คำเด็ดๆที่ชวนให้กดเข้าสู่เวปของคุณ อย่าเอา keyword มายัดลงไปเฉยๆ น่าเบื่อมาก
12. อนุญาตให้ รวมเอา Meta Tags อื่นเข้ามาด้วย (canonical,robots)
ในกรณีที่คุณใช้ tracking codes หรืออะไรคล้ายกันในเวปของคุณเพื่อที่จะ duplicate URLs ฟันธงเลยวุ่คณควรสามารถที่จะเพิ่ม canonical tag ในหน้าpage นั้นๆ นี่ไม่นับไปถึง meta tag อย่าง robots tag เอาเป็นว่ามันใจว่า ฉุกเฉินขึ้นมาเวปคุณสามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ได้หากจำเป็น
13. ควรจะมีปุ่มสำหรับ Social Media ตามกระแส
ถ้าคุณไม่อยู่ในถ้ำ หรืออยู่หลังเขา ก็คงจะรู้ว่า กระแส Social Media มาแรงแค่ไหน จัดมาซะอย่าให้เสีย ลองตรวจสอบดูว่า Social Media ตัวไหนที่มีกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ ทำปุ่ม share แล้วก็เตรียมเฮ
14. ติดตั้ง Analytics Tracking
ถ้าคุณอยากรู้ว่า traffic ในเวปคุณมันมากจากไหน ทางเดียวก็คือการติดตั้ง Analytics Tracking มันยังจะช่วยให้ข้อมูลสำคัญอื่นๆอีกจำนวนมาก ศึกษาดูแล้วเลือกตัวที่โอเคสำหรับคุณจากรายการต่อไปนี้
Google Analytics
Omniture
Mint
StatCounter
แน่ละว่า ให้ติดตั้งเจ้าตัวที่สามารถ block office IP address สามารถตรวจสอบการแรกเปลี่ยนข้อมูล ยอด revenuesecommerce ที่จากทุกโครงข่าย online และอะไรก็ตามที่ช่วยให้คุณทราบถึงผลกระทบที่จะส่งผลต่อความสำเร็จของเวปของคุณ
15. จัดระบบ และ ตรวจเวปของคุณด้วย Web master tools
ลองไปศึกษา Google Webmaster Tools คุณจะเห็นเวปของตัวเองผ่านสายตาของ Google ซึ่งช่วยทำให้คุณสื่อสารกับ Google ได้ชัดเจน เกี่ยวกับการจัดการ parameters การ submit SML อีกทั้งแจงให้เห็นปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นบน site ของเรา ถ้ามีเวลาเหลือก็ลองไปดู Bing’s Webmaster Center อีกซักตัว
16. อย่าฉีกกฎ เกี่ยวกับ HTML,CSS และ Database Programming
ยิ่งคุณทำทุกอย่างตามาตราฐาน มันก็ง่ายเมื่อจำเป็นต้องดัดแปลงปรับปรุงตัวเวป ไม่มีอะไรปวดหัวไปกว่าเมื่อคุณไปเปิดเวปของคนอื่นแล้วพบว่ามันเขียนด้วย code หรือ database ที่ลึกลับซับซ้อน รบกวนออกแบบเวปของคุณให้มันเข้าใจง่ายไว้จะดีที่สุด
17.Generate XML sitemap
ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมายมาย ขอเพียงให้ทุกครั้งที่เวปคุณ online ก็จัดการทำ XML sitemap และ submit กับ SEO ดังๆทั้งหลายด้วย webmaster tool และจะยิ่งเยี่ยมเข้าไปอีกถ้าคุณจัดการให้มัน automatically updates แถม pings ไปบอก SEO เหล่านั้น เมื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลงในหน้าเวป
18. สร้าง Robots.txt file
เมื่อคุณสร้าง Robots.txt fileมั่นใจว่าคุณ disallow หน้าpage หรือ directoryที่คุณไม่อยากให้ SEO เข้าไปวุ่นวาย ตัวอย่างทั่วๆไปก็คือ login pages, search results pages, และ shopping cart pages อย่าลืมรวม link ใน XML sitemap เข้าไปด้วย
จากนั้นก็ไปตรวจสอบดูด้วยเจ้า Google webmaster tools อีกทีให้มั่นใจว่าทุกอย่างทำงานเรียบร้อย
แนะนำว่าให้ไปหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.robotstxt.org/robotstxt.html รับรองว่าถ้าคุณทำตามที่บอกไว้ทั้ง 18 รายการนี้ เวปของคุณจะเปิดตัวอย่างสวยหรูและในฐานะเวปที่เยี่ยมสำหรับ SEO จัดให้
อ้างอิง :
http://www.seo.com/blog/18-seo...items-commonly-missed-web-dev/ +1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+1+
คือกำลังใจมอบให้หาสิ่งดีดีมาแบ่งปันต่อไปโอกาสหน้าเจอสาระดีดีเกี่ยวกับ SEO
จะนำมาแบ่งปันเพื่อนๆพี่ๆทุกท่านอีกครับ..... Bye !!
" พึงชนะความตระหนี่ด้วยการให้ " ยิ่งให้ยิ่งได้
ความรู้ทั่วไป
