ขออนุญาติแสดงความคิดที่อาจจะต่างมุมมองนะครับ
ไม่ได้โต้แย้ง(กลัวมาม่าอิอิ) เพราะเห็นด้วยหลายประการ แต่เผื่อจะได้หลายมิติ เป็นประโยชน์กับผู้สนใจครับ
ประการแรก การเรียนนิเทศน์ การแข่งขันสูงแน่นอน
หากไม่มีแนวทางดีๆรองรับตอนจบ คุณปีนเขาชันแน่ๆ ยกเว้นคุณมีต้นทุน เช่นทุนเรียนต่อ ไม่ต้องต่อโทก็ได้ เรียน Practise Course ได้แค่ใบประกาศนียบัตร แต่ก็ได้ความรู้ ผมรู้จักผู้กำกับดังคนหนึ่งไปเรียนที่ Central Saint Martins ที่ลอนดอน คอร์สแบบนี้ ทุกวันนี้ไม่มีใครถามวุฒิฯ อะไร ...ผลงานพิสูจน์ฝีมือ ต้นทุนอีกอย่างที่สำคัญคือ คนที่รู้จักในวงการ หลานผมอยากเรียนนิเทศน์ ผมห้ามแทบตาย สุดท้ายนึกได้ว่าแม่เขาทำงานได้ดิบได้ดีสายนี้อยู่ น่าจะหาโอกาสดีๆให้ลูกได้ดีกว่าคนอื่น
ประการที่สองการเรียน Film ไม่ใช่แค่อยากเรียน อยากเป็นผู้กำกับนะครับ ทุกอย่างมีบันไดให้ปีนจากพื้นเสมอ กว่าจะเป็นเด็กฝึกงาน ทำดีจนได้งาน เป็นลูกน้องตามสายงาน เช่น slylist เก่งจนขึ้นเป็นตัวจริง
แล้วอาจจะขยับขึ้น เช่นเป็นผู้ช่วยผู้กำกับฝ่าย acting ถ้าคุณเก่งจนได้รับความไว้วางใจ...ทุกอย่างไม่ได้มาด้วยฝันเอาแน่นอน...ต้องมั่นใจว่ารักมัน อยู่กับมันได้ทุกนาที
เก่ง...บางครั้งคือความขยันสม่ำเสมอบวกกับมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ไม่จำเป็นต้องชื่อเป็นเอก
คุณก็ได้รับการยอมรับได้ ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่ทำได้จริง
ประการที่สามการเรียนนิเทศน์สายภาพยนตร์ ไม่ได้มุ่งหวังแค่รับจ้างถ่ายหนังอย่างเดียว คนตัดต่อมือต้นๆของกันตนาคุณรู้ใหมว่าเงินเดือนหนึ่งได้เท่าใหร่ ทำอย่างที่ตัวเองรักและถนัด อย่าฝืนเช่นเห็นคนอื่นทำ adsense ได้วันละหลายสิบหลายร้อยดอลล์ แล้วอยากได้มั่ง...แต่ตัวเองทำได้ไม่เหมือนเขา และก็แปลกที่สุดท้ายคนเรามักไม่โทษตัวเอง
ฉันใดฉันนั้น
คุณอยากเป็นคนหนึ่งในไม่กี่คนในบอร์ดนี้ ที่มีรายได้แบบนั้น
คุณต้องรู้ว่าต้องแข่งกับคนมากมายแค่ใหน แข่งกับตัวเองมากแค่ใหน
...นี่คือสิ่งที่คุณเลือกจะทำครับ...รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เรียนครับ

แล้วพวกภาพยนต์โฆษณาละครับ เห็นว่าอนาคตมันจะแข่งขันกันสูง?
แข่งขันสูง...มันตามมาด้วยความยากของการได้งานหรือทำงาน
ทำหนัง 60 วินาทีหรือ 30 วินาที แล้วคิดเงินลูกค้าล้านนึงขึ้น ต้องเป็นที่รู้จักมีผลงานมาพอจนเชื่อถือได้ หนังโฆษณาลูกค้าดูกันเป็นวินาที สินค้าเห็นกี่วินาที บางคนแทบไม่สนใจเรื่องราว แค่เห็นสินค้ามากที่สุด พูดชื่อสินค้ามากสุดหรือพวกมาเก็ตติ้งจ๋าก็จะเจอพวกเปิดตำราคอมเม้นท์งาน กว่าจะหลุดเป็น shooting board ทั้งคนเก่งๆในเอเจนซี่โฆษณาและลูกค้า ก็ยำใหญ่ใส่สารพัดมากมาย
...งานคืองานครับ...เลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย
หลายคนจำได้แค่นั้น ถ้าไม่เจ๋งจริง กล้ายืนประจันลูกค้า กล้าเอาคอประกันอนาคตแทบทุกงาน
ทุกอย่างไม่มีอะไรง่ายครับ....