เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาต่อจากตอนที่แล้วกันเลยน่ะครับ
4) Title และ Meta Tag ไม่ใช่คำตอบของ SEOพอพูดถึงเรื่อง SEO ปั้บ หนังสือหรือตำรา SEO โดยส่วนใหญ่ จะให้ความสำคัญกับการการแก้ไข ปรับเปลี่ยน ( optimize ) ทำหน้าเว็บเพจให้ Search Engine Friedly กันซ่ะเป็นส่วนมาก ซึ่งเรื่องพวกนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง การใส่ keyword ที่เราต้องการลงไปใน Title , Meta Description, Meta Keyword ในหน้าที่เราต้องการจะทำให้ติดอันดับสูงๆ
แต่ในทางปฏิบัติจริง พอเพื่อนๆเปิดตำราทำตาม ทำการแก้ไข นำ keyword ที่ต้องการ ใส่ใน Title ใส่ใน Meta Tag อย่างเคร่งครัด หลายครั้งหลายหน กลับกลายเป็นว่า อันดับเว็บของเพื่อนๆไม่กระเตื้องขึ้นสักเท่าไหร่เลย มีบางคนโชคร้าย เว็บอันดับกลับตกลงซ่ะอีก เหมือนประชดกันซ่ะอย่างงั้น ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางคนถึงกับเว็บโดยแบน หายจากสารบบไปเลย search ยังไงก็ไม่เจอ !
เพื่อนๆเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มั้ยครับ ?
เมื่อหลายปีที่แล้ว พวก Title หรือ Meta Tag ทั้งหลาย มีความสำคัญมากๆ ในการทำ SEO อาจจะกล่าวว่า เว็บที่ติดหน้าแรกในผลการค้นหา โดยส่วนใหญ่แล้ว จะต้องมี keyword ใน Title หรือ Meta Tag แบบใช้คำตรงกับ keyword ที่ใช้ search กันทั้งนั้น ....
แต่ ณ. สถานการณ์ปัจจุบัน มันไม่ใช่อย่างงั้นซ่ะแล้วครับ !! จากข้อมูลที่ผมพยามยามเก็บดู เว็บที่ติดอันดับในหน้าแรกนั้น มีเพียงแค่ประมาณ 60 % เท่านั้น ที่ใช้ Keyword ใน Title แบบตรงกับ keyword ที่ใช้ search แบบเป๊ะๆ
ใช่ครับ ผมกำลังบอกว่า ความสำคัญของ Title หรือ Meta Tag ในการทำ SEO มันลดน้อยลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะใน search engine ที่มีชื่อ Google
ใครก็ตามที่บอกว่า Title Tag เป็น Tag ที่สำคัญและขาดไม่ได้ในการทำ SEO ถือว่าเอาข้อมูลเก่ามาขาย !! ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วครับว่าเว็บที่ติด top10 จะต้องมี keyword อยู่ใน Title ด้วยลองมาดูตัวอย่างกันดูก็ได้ครับ เช่นคำว่า “ web marketing “ ใน Google
http://www.google.com/search?q=web+marketing 
จาก 10 อันดับ ..... มีเพียงแค่ 6 เว็บเท่านั้น ที่ใช้คำว่า web marketing ใน Title แบบเป๊ะๆ ( 60% พอดี ยกตัวอย่างได้ดีจริงๆ เอิ๊กๆ )
หรือจะเอาตัวอย่างคลาสสิก เช่นคำว่า “ Click Here “
http://www.google.com/search?hl=en&q=click+here 
จะเห็นว่า ไม่มีเลยสักก่ะเว็บครับ ที่ใช้คำว่า “ Click Here “ ใน Title
น่าสนใจมั้ยหล่ะครับ ?
อีกเรื่องนีงที่น่าสนใจมากๆ จากข้อมูลที่ผมได้มา นั่นก็คือ
Google ไม่ได้ใช้ Meta Keyword และ Meta Description เป็นออกอลิทึ่ม ในการจัดเรียงเว็บไซต์แล้ว กล่าวคือ ไม่ว่าเพื่อนๆจะใส่ Meta Keyword หรือ Meta Description ลงไปยังไง Google มันก็ไม่ได้เก็บเอาไปคำนวณเลยว่า เว็บของเพื่อนๆควรจะอยู่ในอันดับไหน
แต่ Google มันยังอ่าน Meta Tag ทั้งสองอันนี้อยู่น่ะครับ Meta Description จะถูกอ่าน เพื่อนำไปแสดงผลในผลลัพท์ของการ search ส่วน Meta Keyword จะถูกอ่าน เพื่อนำไปวิเคราะห์ว่า เว็บไซต์นั้นเป็นเว็บแสปมหรือไม่ !!
แต่ในส่วนของ Yahoo กับ MSN มันจะต่างจาก Google น่ะครับ Search Engine ทั้งสองตัวนี้ มันยังใช้ Meta Description ก่ะ Meta Keywords ในการจัดเรียงเว็บไซต์อยู่ แต่ทิศทางตั้งแต่อดีต มาจนถึงบัจจุบันนี้ ทั้ง Yahoo และ MSN ให้ความสำคัญกับ Meta Description ก่ะ Meta Keywords น้อยลงอย่างต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้สูงเลยหล่ะ ว่าทั้งคู่จะไม่ใช้ Meta Tag ทั้งสองในการจัดเรียงเว็บไซต์เลย เหมือนกับ Google !
รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เดี๋ยวผมจะนำไปเขียนสรุปในเรื่อง On Page Factors ในภายหลังน่ะครับ
5) Rank สูงกว่า ไม่จำเป็นต้องได้ Traffic มากกว่าสำหรับคนทำ SEO แน่นอนครับ ย่อมอยากให้เว็บของตัวเองมีอันดับสูงๆ ยิ่งอยู่อันดับที่หนึ่งได้ยิ่งดี ! แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายครั้งหลายหน ผมกลับพบว่า เว็บที่มีอันดับสูงกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องได้ traffic เยอะกว่าน่ะครับ !
แปลกมั้ยหล่ะ ?
ผมไม่ได้พูดขึ้นมามั่วๆน่ะครับ ผมมีข้อมูลเพียงพอ เนื่องจากผมเป็นคนที่ทำเว็บไซต์เยอะมากๆ บางทีมันก็มีลูกฟรุ๊กเหมือนกัน ที่เว็บในอันดับ 1-10 ใน keyword ที่ผมเลือก มันดันเป็นเว็บของผมหมดเลย ( สงสัยไม่มีใครอยากแข่งด้วย อิ อิ ) ซึ่งพอลองเอาหยิบเอา stat ของแต่ล่ะเว็บมาเปรียบเทียบกันดู บ่อยครั้ง ที่ผมพบว่า เว็บที่ได้ traffic เยอะสุดกลับไม่ใช่เว็บที่อยู่อันดับที่ 1
ผมก็เลยลองมานั่งวิเคราะห์หาสาเหตุ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหว่า ?? หลังจากงมโข่งอยู่พักใหญ่ ผมก็พบว่าสาเหตุหลัก ที่ทำให้เว็บที่มีอันดับรองๆลงไปกลับมีคนเข้ามากกว่า มันน่าจะเป็นเพราะว่า มันมี Title หรือ Description ที่เย้ายวนชวนคลิกกว่านั่นเอง !
ดันนั้น ถึงแม้ว่า Meta Description มันจะไม่ได้ถูกใช้เป็นแอลกอริทึ่มในการจัดเรียงเว็บไซต์แล้วก็ตาม แต่มันก็มีสำคัญในการที่จะเพิ่ม CTR ให้กับเว็บของเราน่ะครับ ..... พระไอ้เจ้า Meta Desctiption นี่เอง ที่ Google มันจะดึงเอาเป็น Description ในผลลัพท์ของการค้นหา
เมื่อเพื่อนๆรู้แบบนี้แล้ว แทนที่เราจะเขียน Meta Description ให้ bot อ่าน แบบอัดใส่ keyword ลงไปเยอะๆ แบบที่เคยทำในอดีต เราก็น่าจะหันมาเขียน Meta Description ให้เป็นภาษาสวยงาม อ่านแล้วเข้าใจ อ่านแล้วชวนให้คนคลิก ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าน่ะครับ !
6) Page Rank ที่เห็น อาจจะไม่ใช่ Page Rank ที่แท้จริง และ เว็บ PR สูง ไม่จำเป็นต้องมีอันดับดีกว่าผมคิดว่าเพื่อนๆส่วนใหญ่คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว คือ ค่า PR ที่เราเห็นๆกันใน Google Toolbar นั้น มันไม่ใช่ค่า PR ที่แท้จริงของเว็บนั้นๆ ค่า PR ที่แท้จริงของ Google นั้นจะมีการ update เปลี่ยนแปลงกันแบบที่อาจจะเรียกได้ว่า ตลอดเวลาเลยหล่ะ แต่ Google จะปิดบังค่าอันนี้เอาไว้ไม่ยอมแสดงออกมาแบบ real time แต่เลือกที่จะแสดงค่า PR ออกมาให้พวกเราได้ทราบกัน ประมาณ 3-4 เดือน ต่อครั้งเท่านั้น เวลา update PR ที ก็เฮกันที บางคนบอกว่า ไม่เฮ มีแต่โฮ update ทีไร มีแต่ตกลงๆ ทุกที .... 5 5 5
สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ อย่าไปซีเรียสกับตัวเลข PR ตรงนี้มากครับ ค่า PR อันนี้ ในอดีตค่อนข้างจะมีความสำคัญมากๆ แต่เดิมทีเว็บที่ติดอันดับสูงๆ ส่วนใหญ่มักจะมี PR สูงกว่าเว็บที่มีอันดับต่ำๆ แต่ ณ.บัจจุบันมันไม่ใช่แบบนั้นแล้วครับ เว็บ PR ต่ำกว่า ก็มีสิทธิ์ที่จะมีอันดับดีกว่า เว็บที่มี PR สูงได้ ผมเห็นอยู่บ่อยๆด้วยซ้ำ ที่เว็บ PR0 สามารถอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหาได้ !
สถานการณ์ ณ.บัจจุบัน ดูเหมือนว่า ค่า PR จะมีไว้เพื่อประดับความโก้หรูของเว็บซ่ะมากกว่า แน่นอนหล่ะครับ ยิ่งเว็บมี PR สูง ยิ่งดูไฮโซ ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น มันคงจะดูไม่ค่อยเท่ห์ซ่ะเท่าไหร่ ถ้าเว็บของผมจะขายโฆษณา หรือ ขาย link แต่ดันมี PR แค่ 1 หรือ เว็บให้ข้อมูลเกี่ยวกับ SEO แต่ดันมี PR แค่ 2 ( เว็บอะไรหว่า 5 5 5 )
ยิ่งการปรับ PR รอบล่าสุดที่ผ่านมา ยิ่งเป็นเครื่องชี้ชัดมากยิ่งขึ้นครับ เกี่ยวกับสิ่งที่ผมพูดมา เว็บที่การขาย link ขายโฆษณา PR มีค่าตกลงเป็นทิวแถว ผมเองก็มีเว็บในเครือที่โดนลูกหลงอันนี้ไปด้วย PR รูดลงมา 1-3 สเต็บเป็นอย่างน้อย แต่พอผมลองตรวจสอบ stat ของเว็บพวกนี้ดู กลับพบว่า traffic และ อันดับใน keyword ต่างๆ ของพวกเว็บ PR รูดลงพวกนี้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
สรุปก็คือ PR เป็นเพียงแถบเขียวๆ ไว้ดูเล่นแก้เหงา ถึงแถบเขียวจะไม่มี หรือ มีแล้วแต่ลดลง ก็ไม่ต้องกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรมาก ตราบใดที่ traffic เว็บ มันไม่ตกลง หรือ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับธุรกิจที่ทำอยู่ !วันนี้เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันครับ ไว้เขียนต่อโอกาสหน้าเมื่อชาติต้องการ
ปล. มี PM เข้ามาถามไถ่อาการของคุณพ่อของผมอยู่หลายคนเลยครับ ต้องขอบคุณมากๆที่เป็นห่วง ตอนนี้คุณพ่อผมออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้วหล่ะครับ อาการดีขึ้นเป็นลำดับ เดินได้ นั่งได้ เคลื่อนไหวได้เกือบจะเหมือนคนปกติแล้ว แต่ว่ายังพูดไม่ค่อยได้ คงต้องอาศัยเวลา และ การทำกายภาพบำบัด ในการรักษาครับ
ขอบคุณเพื่อนๆอีกครั้งครับ .......