ขอไปงัดบทความมาให้เลยคะ
===================
โค้ก-เทสโต-พริงเกิลส์?ปะทะ Power of One ของเป๊ปซี่-เลย์(Marketeer/04/44)
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท โคคา-โคลา ผู้นำธุรกิจน้ำอัดลมของโลก ได้จับมือเซ็นสัญญากับบริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคของโลก ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาและวางตลาดน้ำผลไม้ เครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้ และของขบเคี้ยวใหม่ โดยเล็งเป้าหมายตลาดโลก โดยทั้งสองจะถือหุ้นฝ่ายละ 50 % ในบริษัทใหม่ที่ยังไม่มีการตั้งชื้อแห่งนี้ แต่ตั้งเป้ายอดขายไว้แล้วที่ 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าของโค้กที่จะย้ายไปไว้ในบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ได้แก่ หน่วยงานน้ำผลไม้มินิท เมด ซึ่งประกอบด้วยเครื่องดื่มไฮ-ซี, ไฟฟ์-อไลฟ์ และฟรุตโทเปีย ขณะที่สินค้าของพีแอนด์จี ได้แก่ มันฝรั่งพริงเกิลส์ และเครื่องดื่มซันนี่ ดีไลท์ ซึ่งจากการรวมธุรกิจเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของสองยักษ์ใหญ่เข้าด้วยกัน จะทำให้บริษัทใหม่มีสินค้าประมาณ 40 ยี่ห้อ และโรงงานผลิต 15 แห่ง
ว่ากันว่า แนวคิดเบื้องหลังการจับมือเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจครั้งนี้คือ พีแอนด์จีจะได้ประโยชน์จากระบบจัดจำหน่ายระหว่างประเทศที่ครอบคลุมของโค้ก ซึ่งเข้าถึงแทบทุกมุมโลก ขณะที่โค้กจะได้ประโยชน์จากการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ของ พีแอนด์จี อันจะนำไปสู่การพัฒนาเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะในช่วงที่น้ำอัดลมซึ่งเป็นสินค้าหลักของโค้กกำลังชะลอตัว
แต่ถ้ามองในแง่การตลาดแล้ว กรณีนี้ถูกมองว่า สิ่งที่ทำให้โค้กต้องผนึกกำลังกับพีแอนด์จีคือการที่ทั้งคู่มีคู่แข่งรายเดียวกัน นั่นคือเป๊ปซี่โค เพราะแม้เป๊ปซี่จะเป็นบริษัทน้ำดำอันดับสอง แต่ก็มีฐานแข็งแกร่งในตลาดน้ำผลไม้และของขบเคี้ยว ด้วยการส่งน้ำผลไม้ทรอปิคานาและฟริโตเลย์เข้าสู่ตลาด
ขณะที่ชาวโลกกำลังรอดูว่าแผนการของพันธมิตรยักษ์ใหญ่คู่ใหม่จะประสบความสำเร็จดังที่มุ่งหวังหรือไม่ ในประเทศไทย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย“โค้ก” ก็เดินเกมเดียวกับบริษัทแม่อย่างทันควัน ผิดกันก็แต่ว่าพันธมิตรที่โค้กเข้าไปจับมือด้วยนั้นไม่ใช่พริงเกิลส์ของพีแอนด์จี แต่เป็นมันฝรั่ง”เทสโต” ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีศักดิ์ศรีเป็นรองแชมป์ตลาดมันฝรั่งของไทย ด้วยส่วนแบ่งตลาด 14 % (ตัวเลขสิ้นปี 2543) แม้จะยังตามหลังเลย์ ซึ่งมีส่วนแบ่ง 50 % อยู่หลายสโตรก ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดที่เหลือเป็นของ มั้นมัน ก๊อบกอบ เอ็กซ์ไลท์ และพริงเกิลส์ โดยมูลค่าตลาดมันฝรั่งรวมอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท
“ในกระแสการแข่งขันที่รุนแรง ไทยน้ำทิพย์ต้องหาพันธมิตรเพื่อทำกิจกรรมในลักษณะคู่ค้า ซึ่งที่ผ่านมาโค้กก็มีการจับมือกับพันธมิตรหลายราย ผมมั่นใจว่าการร่วมมือกับเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับทั้งสองผลิตภัณฑ์ นอกเหนือจากเป็นการคืนกำไรให้ผู้บริโภค” ธนพร โฆษิตาภัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัดกล่าวถึงเป้าหมายของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับมันฝรั่งเทสโต โดยปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงตัวเลขขายที่โค้กคาดหวังจากแคมเปญนี้
ด้านปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร กรรมการบริหาร บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวถึงสาเหตุที่บริษัทต้องหาพันธมิตรเพื่อร่วมกันทำกิจกรรมการตลาดว่า เนื่องมาจากการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดขนมขบเคี้ยวหรือสแน็ค ทำให้บริษัทต้องหาพันธมิตรซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันทำตลาดให้แข็งแกร่ง เพื่อเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าไปด้วยกัน
“คนดื่มโค้กมีทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งใกล้เคียงกับคนที่กินมันฝรั่ง แต่เมื่อก่อนคนที่กินเทสโต อาจจะไม่ได้ดื่มโค้ก หรือคนดื่มโค้กอาจจะไม่ได้กินเทสโต เราเชื่อว่าแคมเปญนี้จะทำให้ทั้งสองยี่ห้อขยายฐานลูกค้าไปร่วมกันได้” ปฐพงศ์กล่าว
แคมเปญที่ชื่อว่า “เทสโตอร่อยเกินคาด ลุ้นรับโชคซ่าเกินคุ้ม” นี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 15 พฤษภาคม 2544 โดยผู้ซื้อมันฝรั่งทอดกรอบเทสโตทุกรสจะได้รับคูปองเพื่อแลกโค้กบัดดี้ฟรี หรือใช้เป็นคูปองส่วนลดเพื่อซื้อโค้กแคนหรือซื้อผลิตภัณฑ์เทสโต ได้ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา โดยฝ่ายเบอร์ลี่ฯ คาดว่าแคมเปญที่ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 10 ล้านบาทนี้ จะช่วยให้ยอดขายของเทสโตเพิ่มขึ้น 20 % ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดจะเพิ่มขึ้นจาก 14 % เป็น 16 % ในสิ้นปีนี้ สูงกว่าการเติบโตของตลาดมันฝรั่งรวมซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 6 % หรือ คิดเป็นมูลค่า 3,800 ล้านบาท
นอกจากการร่วมกันทำกิจกรรมการตลาดระหว่างเทสโตและโค้กในครั้งนี้แล้ว ทั้งปฐพงศ์ และธนพร ยังยืนยันว่า ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันทำกิจกรรมเพื่อผู้บริโภคในรูปแบบอื่น ๆ อีก โดยจะมีการทำอย่างต่อเนื่องในปี 2544 ขณะที่เซเว่น อีเลฟเว่นก็คาดหวังว่าจะมีส่วนร่วมในแคมเปญอื่น ๆ อีก เพราะจะเป็นการช่วยดึงลูกค้าให้เข้ามาในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นมากขึ้น
สำหรับในส่วนของการทำตลาดร่วมกันระหว่างเป๊ปซี่และมันฝรั่งเลย์นั้น สมชาย บุลสุข ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทแม่มีการกำหนดกลยุทธ์ที่ชื่อว่า Power of One ออกมา และมีการเริ่มทำแล้วในต่างประเทศ โดยสินค้าที่ร่วมกันทำตลาดนั้น นอกจากจะมีเป๊ปซี่ มันฝรั่งเลย์แล้ว ยังมีน้ำส้มทรอปิคานา ซึ่งได้รับความนิยมสูง แต่ยังไม่มีการเปิดตัวในเมืองไทย
“ลักษณะของกลยุทธ์ Power of One ก็คือ ไปไหนไปด้วยกัน ขายด้วยกัน ในประเทศไทยเราก็เริ่มแล้ว แต่ที่ผ่านมาเราไม่ได้พูดถึง ซึ่งต่อไปนี้ก็คงจะต้องพูดให้มากขึ้น” สมชายกล่าว
เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจ เมื่อเห็นรายการโปรโมชั่นประเภท ซื้อเลย์ สแต็กซ์ 2 กระป๋อง รับเป๊ปซี่ขนาด 1.25 ลิตร ไปดื่มแก้กระหายฟรี ติดอยู่ตามชั้นขายสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต เพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Power of One ซึ่งเป๊ปซี่กับเลย์ได้ทำไปล่วงหน้า และกำลังรอกลยุทธ์การตลาดของคู่พันธมิตรใหม่ระหว่างโค้กและพริงเกิลส์ อย่างใจจดใจจ่อ
โปรย
“ในกระแสการแข่งขันที่รุนแรง ไทยน้ำทิพย์ต้องหาพันธมิตรเพื่อทำกิจกรรมในลักษณะคู่ค้า”
ตลาดมันฝรั่ง 3,500 ล้านบาท ปี 2543
เลย์ 50%
เทสโต 14%
มั้นมัน ก๊อบกอบ เอ็กซ์ไลท์ และพริงเกิลส์ 36%
ที่มา : เบอร์ลี่ยุคเกอร์
อ้างอิง :
http://www.marketeer.co.th/inside_detail.php?inside_id=4108 
=======================
เป็นคำตอบในเชิงการตลาดนะคะ