ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่เทพครับ

หลังจากคลุกอยู่กับ amazon อย่างจริงจังพอสมควร ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว นับถึงวันนี้ก็ประมาณเกือบสามเดือนแล้ว
จากความรู้ทั้งในไทยเสียวและนอกบอร์ด ทำให้ผมสร้างรายได้จากการหาเงินบนอินเตอเนตได้อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ได้เรียนรู้ทั้งการใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆจากหลายๆท่าน
วันนี้ผมขอนำประสบการณ์ที่พอจะมีอยู่บ้างมาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆทุกคนในที่นี้ครับ อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ใหม่

แต่จากช่วงเวลาสั้นๆที่ผ่านมา ผมได้พิสูจน์ด้วยตัวผมเองแล้วว่า สิ่งนี้มีประโยชน์มากๆครับ
เริ่มกันเลย

หลายท่านที่เป็นนักลุยป่า หรือนักรบในแนวทางต่าง .. ทุกท่านคงคุ้นเคยกับเครื่องไม้เครื่องมือในการดันหรือสร้างอันดับที่ดีใน search engine ทั้งสำนัก google และ yahoo หรือเครื่องมือในการผลิตเว็บไซในการนำเสนอสินค้ากันมาแล้ว
แต่สำหรับเหล่านักลุยป่ามือใหม่ทั้งหลายบางท่าน (อย่างน้อยๆ ก็ตัวผมเองนี่หล่ะ) ที่มักงง เซ็ง และบางครั้งพาลไปถึงขั้นท้อในประเด็นที่ว่า keyword ก็ดี, อันดับก็ติด, traffic ก็มีมากพอดูอยู่
แต่ ขายไม่ได้
สิ่งนี้กลายเป็นอุปสรรคนี้ที่ทำให้หลายคนถอนใจกันเลยทีเดียว
คิดว่าหลายๆท่าน น่าจะใช้บริการอย่างนึงของGoogle นั่นคือ google analytics
มีค่าหนึ่งที่อาจจะเป็นตัวยืนยันได้ในกรณี
"ทำไมว่ะ คนเข้าวันนึงเ็ป็นพัน แต่ขายไม่ได้สักดอลเดียว" ค่านั้นคือ Bounce rate ครับ
Bounce rate คืออะไร
อ้างอิงจากเว็บ http://blog.kissmetrics.com/bounce-rate/
Bounce rate สรุปง่ายๆตามความเข้าใจผมนั้น ถ้าค่ายิ่งมาก บ่งบอกว่าคนเข้ามายังเว็บ หรือ landing page ของเราแล้วออกไปเลย
โดยพฤติกรรมดังกล่าวมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดเช่นนั้น ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหาไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าสนใจ การออกแบบหน้าตาไม่ดี (เว็บนะครับไม่ใช่คนออกแบบ) การใช้เวลาในการรอให้เว็บแสดงผลนานเกินไป เป็นต้น - นั่นคือเหตุครับ มีหลากหลายมาก แต่ผลของมันต่อเรามีแค่อย่างเดียวครับ คือ ขายไม่ได้
ผมขอยกตัวอย่างเว็บที่มีปรับปรุงหน้า Landing page และผลที่เกิดจากการปรับปรุงดังกล่าว
ข้อมูลจาก ABtests.comจะเห็นได้ว่า หลังการปรับปรุงหน้าตา มองดูก็ไม่มีอะไรที่ปรับมากมาย แต่ จำนวน action เพิ่มขึ้น 200 กว่าเปอร์เซ็น หรือว่าสองเท่า
เปรียบเทียบเล่นๆ (แต่หวังว่าจะจริงสักวัน) หากคุณทำเว็บขาย ipad มีคนหลุดเข้ามา (ทั้งตั้งใจก็ดี ไ่ม่ตั้งใจก็ดี

) จากปกติ 100 คนต่อเดือน สร้างรายได้ให้คุณ 1 เครื่อง แต่หลังคุณปรับปรุงหน้าตา (เว็บ) ยอดเพิ่มขึ้น 200% ผมว่าน่าจะดีไม่น้อยเลยนะครับ
ผมขอยกตัวอย่างจริงที่เกิดกับเว็บที่ผมทำเพื่อขาย kindle case ผมทำการวัดผลก่อนและหลังการเอา Banner ad (เครื่องประดับยอดนิยม) ออก ยอด conversion จาก 0.3% กลายเป็น 6% (ใช้เวลาทดลอง 15 วัน)
ที่นี่เราลองมาดูตัวอย่างที่เค้าได้ทำการเก็บข้อมูลไว้ มาดูว่าเมื่อแบ่งตามประเภทของเว็บแล้ว Bounce rate ในหมู่นักลุยป่า เป็นเท่าไหร่

จากรูป ผมคิดว่าเราน่าจะอยู่ในกลุ่ม simple landing page กับ content website แล้วแต่สไตลการสร้างเว็บ
(จาก Bounce rate แล้วผมคิดว่าการสร้างเว็บแบบมีเนื้อหาแ้ล้วสอดไส้ด้วยการขายสินค้า น่าจะมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่า เนื่องจาก Bounce rate ต่ำกว่าอยู่หลายเท่า อย่างน้อยลูกค้าก็วนอยู่กับบทความหรือเนื้อหาในเว็บ ไม่ได้ปิดไปเลยเหมือนเว็บที่โผล่มาแล้วมีแต่ add to cart แต่นั่นก็คงไม่ใช่สูตรตายตัว กับความต้องการสินค้าบางอย่างอาจไม่ได้สนใจกับเนื้อหาที่มากมายนัก)
ผมขอยกตัวอย่างเว็บสินค้าที่เป็นที่รู้ัจัก มีการสร้างแบรนด์ที่ดี แต่ในส่วนของเว็บไซกลับทำไม่ดีเท่าที่ควร
ข้อมูลจาก http://blog.kissmetrics.com/5-awful-landing-pages/ 

ลดหมดทุกอย่าง แต่ไม่มีอันไหนโดดเด่นและ "เตะตา"

อันนี้ออกแนว งง งง จะให้ไปไหน ทำอะไร ติดต่อยังไง ซื้อยังไง ถามใคร งง งง งง
แล้วการออกแบบหน้า landing page ที่ดีเป็นอย่างไร
คำตอบนี้คงเป็นคำตอบแบบ ฟันธง ไม่ได้เพราะมันคงแบ่งแยกย่อยได้อีกหลายชนิดของสินค้า
แต่ผมขอยกตัวอย่างมาสักแบบ
ข้อมูลจาก http://blog.kissmetrics.com/landing-page-design-infographic/ 

เป็นตัวอย่างการออกแบบเว็บไซดที่ผมพยายามปรับปรุงกับเว็บของผม แ่ละใช้เป็นแบบอย่าง
หลักใหญ่ใจความก็แบ่งออกเป็น 9 ข้อหลักๆ เพื่อปรับปรุงให้เว็บเราดีขึ้น (ทั้งลด Bounce rate และเพิ่ม Conversion rate)
โดยมีหลักการ หรือทฤษฏีของสีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ทั้งหมดเป็นทฤษฏีที่ผ่านการทดสอบจริงมาแล้ว อย่างที่นักการตลาดมักพูดว่า
"ตัวเลขไม่เคยหลอกเรา"ผมเองแม้ว่าวันนี้จะไม่ได้มีรายรับมากมายเช่นเทพท่านอื่นๆ แต่ก็อยากแบ่งปันความรู้ และให้ตอบแทน ในสิ่งที่ผมได้รับมาจากที่แห่งนี้
ตั้งใจแบ่งปันครับ หากเนื้อหาไม่ถูกต้องประการใดโปรดชี้แนะ

วันนี้ผมมีของดีมีราคามา แจกฟรี ครับ ให้เพื่อนๆเอาไว้ศึกษา landing page กัน น่าจะมีส่วนช่วยให้ทุกท่านนำไปต่อยอดได้ครับ
PM อีเมล์มาได้เลยครับ
