มีรายได้จากการ "ขายบริการ" ครับ
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด อยากให้ดู Magento
ซึ่งการพัฒนาใข้พนักงานของบริษัททั้งหมด
แล้วก็ Opensource ให้ใช้งานฟรี แต่ไม่มีบริการหลังการขาย (แม้แต่คู่มือ ก็ไม่มี)
ถ้ามีปัญหา ก็ให้หาทางแก้ปัญหาเอง หรือถามคนอื่นแล้วมาช่วยกันแก้ปัญหา (ถึงได้ตั้งชื่อว่า Communities edition ไง)
ส่วนถ้าอยากได้บริการหลังการขาย เช่น เวลาติดปัญหาอะไรก็ส่งอีเมล หรือยกสายต่อโทรศัพท์หาพนง.โดยตรง
ก็ต้องจ่ายแบบ Professional หรือ Enterprise ไป
ซึ่งแต่ละระดับ ก็มีสิทธิพเศษไม่เหมือนกัน ส่วนราคาก็แพงเอาเรื่องเหมือนกัน
http://www.magentocommerce.com/product/compare 

ส่วนวิธีหารายได้อีกแบบคือ ตั้งบริษัทรับงานโดยเฉพาะ ยกตัวอย่าง Drupal เจ้าของที่ชื่อ Dries Buytaert ได้ตั้งบ. Acquia (
http://acquia.com/ 
)
มารับงานทำเว็บด้วย Drupal ให้กับบริษัททั่วไป ซึ่งปกติแล้วตัว Drupal เองก็มีรายได้จากการบริจาคอยู่แล้ว (ทั้งจากผู้ใช้รายย่อยและผู้ใช้ที่เป็นบริษัท)
แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าเงินบริจาคตรงนั้น เอาเข้ากระเป๋าส่วนตัวบ้างหรือเปล่า หรือว่าเอามาดูแลการพัฒนา Drupal ทั้งหมด (เช่นค่า Server)
เพราะรูปแบบการพัฒนาของ Drupal เป็น Opensource จริงๆ มีการรับโค้ดจากนักพัฒนาภายนอก ซึ่งต่างจาก Magento ที่ไม่รับโค้ดจากภายนอกเลย
ส่วน Joomla ก็น่าจะคล้ายๆ กัน ผมไม่ทราบเรื่องราวความสำเร็จด้านการเงินจากคนก่อตั้ง Joomla มากนัก
แต่ล่าสุดที่ได้ยินข่าวคือ มีนักพัฒนาชาวมาเลย์ ประสบความสำเร็จในการทำเทมเพลต โปรดอ่าน
How to make 22,000$ with JAT3 Joomla Template Framework 
ต้องบอกว่าที่เขาอยู่ได้ เพราะวัฒนธรรมการบริจาค เขาทำได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
เช่น 10$, 100$ นี่บริจาคกันได้ง่ายๆ เลย เพราะคนบริจาคก็เห็นว่าดี คุ้มค่านะ เอาไปทำทุนป่ะ
อีกอย่างค่าแรงเมืองนอก คิดค่าทำเว็บเป็นชั่วโมง ตกชั่วโมงละ 40$ - 120$ แล้วแต่ความยากง่ายและการตกลงกัน
ซึ่งโครงการขนาดกลาง ก็ใช้เวลาอยู่ระหว่าง 80 - 200 ชั่วโมง (สองอาทิตย์ - ห้าอาทิตย์)
คูณกันเอาเองครับ ว่าคนรับทำได้เงินไปเท่าไหร่ แล้วเทียบสัดส่วนกับเงินที่บริจาค (โดยสมัครใจนะครับ ไม่ได้บังคับว่าเท่าไหร่, เมื่อไหร่)
คงพอมองเห็นภาพนะครับ