กลับมาจากจีนเมื่อวันอังคาร ไปหาของขายกับพี่สาวมา นั่งปั่นงานไม่ได้นอนเต็มอิ่มสักวัน วันนี้ขอพักหน่อยเลยเข้ามาตอบหลังจากที่ได้เกริ่นไปแล้ว
วันนี้จะมาเผยอีกหนึ่งกลโกงที่คนจีนใช้ (ถ้าใครเอาไปใช้บ้างขอให้มันไม่เจริญ) ถ้าใครได้มีโอกาสแวะไปก็ให้ระวังไว้
ก่อนหน้านี้ ไกด์ (คนไทยที่ไปเรียนที่นั่นและเป็นเพื่อนของไกด์คนเดิมที่ไม่ว่าง เลยมาแทน) ได้เตือนเอาไว้ว่า ให้ระวังไว้ เพราะช่วงนี้ใกล้ตรุษจีน จะมีพวกที่จ้องหาหาเงินหรือขโมยของเราเยอะเพื่อหาเงินกลับบ้าน ซึ่งเมืองที่ผมไปคือ กวางโจ่ว ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่าน และค่อนข้างเน้นไปทางสินค้าขายส่งต่างๆราคาถูก
วันนั้นเป็นวันที่ 3 ที่ผมอยู่เมืองจีน และได้พูดคุยกับไกด์พอสมควรจนได้ความรู้มาหลายเรื่อง (จริงๆเป็นครู แต่เป็นไกด์เก่ามาก่อน) วันนั้นเราได้ไปดูตึกขายส่งพวกสินค้า gift shop แต่เดินจนทั่วแล้วก็ยังหาของที่ต้องการไม่เจอ ก็เลยเดินไปหาข้าวกิน แล้วก็ได้ติดต่อไกด์คนเดิมเพื่อให้ช่วยนำทางไปยังร้านเก่าที่เคยไปซื้อมาแล้ว
พอกินข้าวเสร็จ ก็เดินกลับมาที่ตึกเดิมอีกครั้ง เพราะได้นัดไกด์คนเดิมไว้ ขณะที่เดินๆไปนั้น มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ทำท่าเหมือนจะขาย แต่ก็ปฏิเสธไป แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่ลดละ ได้ทำการโชว์มือถือในมือ ด้วยการเลื่อนหน้าจอสัมผัสให้ดู มือถือเครื่องนั้นมันคือ "iphone 4" เพียงแต่ว่าเป็นภาษาจีนเท่านั้นเอง ผมแอบสังเกตไปด้วย เดินไปด้วย รู้สึกแปลกว่ามือถือเครื่องนี้ดูเหมือนของจริงมากๆ จากที่เห็นการขยับบนหน้าจอ
สักพักมาถึงหน้าประตูตึก หมอนั่นก็ยังเดินตามเข้ามาอีก ไกด์จึงได้ไล่ไปว่าไม่เอา แต่ผมก็อดสงสัยมิได้ จึงได้ลองบอกพี่ไกด์ให้ลองถามดูว่าขายเท่าไรหน่ะ เครื่องนั้น (ถามเฉยๆ ไม่ได้กะจะซื้อหรอก เพราะผมแลกเงินไป 5,000 บาท ไม่ได้กะซื้ออะไรสักเท่าไร ไปแบบประหยัด ค่าใช้จ่ายที่เหลือ พี่สาวออกให้ เนื่องจากว่าค่าเครื่องบินผมออกเอง) สักพักคนจีนคนนั้นก็ได้บอกราคามาคือ 2,800 หยวน ตีไปว่า 1 หยวนตกประมาณเกือบ 5 บาท (4.65) ก็ราวๆ 14,000 บาทได้ พอฟังแล้วก็โอเค แค่นี้หล่ะ เงินไม่มีอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่า เครื่องดังกล่าวจะถูกส่งผ่านมือมาให้ลองและตรวจสอบด้วยความสงสัยว่า นี่เป็นของจริงหรือของก๊อปกันแน่ จากที่ไกด์ลองให้ผมทดสอบดู ผมก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยว่า ถ้าเป็นของก๊อป ก็ถือว่าเนียนสุดๆ เพราะทุกอย่างที่สัมผัสอย่างลื่นไหลนั้นเรียกได้ว่า นี่มันของจริง ชัดๆ ไกด์คนเดิมก็บอกว่า เฮ้ย ขนาดนี้ ของจริงแหงๆ โคตรถูกอ่ะ แบบนี้มันต้องขโมยมาแหงๆเลย
แต่อย่างว่านั่นแหละ ราคามันก็เกินงบติดตัวผมอยู่ดีที่จะทำให้ผมควักกระเป๋า แต่พี่สาวผมก็ลองพูดไปเล่นๆ ลองต่อดิ สัก 1,000 หยวน ซึ่งเขาคุยอะไรกันก็ไม่รู้ ฟังไม่ออก แต่ก็ยังทดสอบเครื่องต่อไปด้วยการลองเปิด angry bird มาทดสอบ และมีการเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาไทย และเป็นรุ่น 32GB จนมั่นใจแล้วว่า เครื่องนี้คือของแท้ไม่ผิดแน่ๆ
คุยกันไปสักระยะ ไกด์ก็บอกว่า 1,000 หยวนโอเค และบอกว่า ถ้าพี่ไม่เอา นี่ผมเอาเลยนะนี่ ไกด์คนเดิมก็บอกว่า โหยคุ้มอ่ะ เรียกว่า แต่ละคนตอนนั้นอยากเป็นเจ้าของกันเป็นแถว คือถ้าผมไม่เอา ก็คงมีใครสักคนเอาแน่นอน กับราคานี้ที่หาไม่ได้อีกแล้ว พี่คนนึงทักผมว่า "จะรออะไรอยู่หล่ะบอล" แต่เนื่องจากผมคำนึงถึงเงินที่จะนำไปใช้ซื้อของอื่นๆไว้แล้ว ก็ต้องพิจารณานิดนึง เลยถามพี่สาวว่า เอาไงดี เอาแน่เหรอ พี่สาวผมจึงว่า ก็แล้วแต่ ถ้าเงินไม่พอก็เอาเงินที่พี่สาวผมไปก่อน แล้วเดี๋ยวไปแลกเงินหยวนกับคนที่รับแลกให้บ่อยๆเอา
พี่ไกด์ได้ถามไปว่า รู้ได้ไงว่า ถ้าจ่ายเงินแล้ว จะไม่ทำทีเป็นว่า หาคนมาจับในข้อหาขโมยของ หมอนั่นก็บอกว่าไม่ทำๆ แน่นอน แล้วก็โชว์อุปกรณ์ที่ชารต์แบตให้ดูด้วย แต่เพื่อความปลอดภัยว่าจะไม่มีปัญหา พี่อีกคนที่ยืนอยู่จึงได้ทำการถ่ายรูปหมอนั่นเอาไว้ด้วย กันพลาด (แต่มาดูทีหลัง ไม่เห็นหน้าหรอก มันเอาหมวกบัง) และพี่อีกคนก็เริ่มพูดประโยคเดิมซ้ำว่า จะรออะไรอยู่หล่ะ
สุดท้ายกระแสยุจากหลายๆคนเริ่มเข้ามา ก็เลยตัดสินใจไป โอเค ก็ลองดูละกัน เลยหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา มีแบงค์ 100 อยู่ 11 ใบที่ยังไม่ได้ใช้เลย ก็ค่อยๆนับ แต่พี่สาวเห็นว่าช้าไปเดี๋ยวมีปัญหา อยู่คุยนานๆแบบนี้ไม่ดี ก็เลยควักของตัวเองมานับแทน ผมก็หันไปดู ขณะนั้น คนจีนคนนั้นก็ได้คุยกับไกด์ว่า ให้ระวังที่ชั้น 3 ให้ดี ทำท่าทีเป็นคนใจบุญ บอกให้ระวังๆไว้
หลังจากที่ผมรับเงินจากพี่สาวผมมาแล้ว ก่อนที่จะยื่นให้หมอนี่ไป ผมก็เป็นกังวลว่า เกิดให้ไปแล้วมันหนีไปเลยหล่ะ ก็เลยบอกว่า ให้เอาเครื่องยื่นให้คนอื่นเก็บไว้ก่อนสิ กันพลาด แต่ดูเหมือนจะไร้การตอบสนองจากคนรอบข้าง เป็นเพราะดูเหมือนผมจะวิตกเกินไปกว่าเหตุ
สุดท้ายผมก็เลยต้องยื่นเงิน 1,000 หยวนนี้ให้ไป เพราะทนเสียงรุมเร้ารอบข้างให้รีบจัดการให้ไว จะได้รีบไป
พอผมยื่นเงินให้ไปแล้ว คนจีนคนนี้ ก็ได้ยื่นมือไปจับมือกับไกด์ แล้วก็ยื่นมือมาจับมือกับผม แล้วโน้มตัวเข้ามา เอา iphone เครื่องดังกล่าวยื่นให้มือผมพร้อมที่ชารต์ พร้อมกับผลักเก็บลงกระเป๋าเสื้อกันหนาวผม (บริเวณที่สอดมือ) แล้วก็รีบตบแขนผมบอกว่ารีบไปซะ เดี๋ยวมีปัญหา
หลังจากการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น ไกด์ก็รีบลากผมไปจากตรงนั้นทันที เพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย เราไม่รู้ว่ามันจะเล่นอะไรกับเราบ้าง แล้วผมก็โดนพาห่างออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เดินไปนั้น ผมหันหลังไปมองคนอื่น ผมก็เห็นคนจีนคนนั้นก็รีบเดินไปอีกทางอย่างไวเช่นกัน และเมื่อผมพยายามหยิบมือถือขึ้นมาปิด จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง แต่ไกด์ก็บอกว่า อย่าหยิบออกมา แต่ก็นั่นแหละผมหยิบมากด แต่ก็แอบบงงอยู่นิดนึงว่า เอ๊ะกดปิดแล้วเครื่องมันดับอยู่แล้วนี่นา
สักพัก ก็ขึ้นมาจนถึงชั้น 3 ไกด์บอกผมว่า อยากจะพาผมกลับโรงแรมก่อนเสียด้วยซ้ำ กันไปจ๊ะเอ๋กับหมอนั่นอีก หลังจากนั้นก็เริ่มเดินไปที่อื่นกันต่อ และระหว่างทางก็มีหลายๆคนบ่นอยากได้มือถือเครื่องนี้มาก บ้างว่าจะซื้อต่อผมถ้ากลับไปเมืองไทยแล้ว แต่ผมก็คิดไปพราง ซื้อของแบบนี้มันจะเจอกรรมตามสนองไหมเนี่ย
เว้นช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อทุกคนเดินมายังอีกตลาดที่ตั้งใจจะให้ไกด์คนเดิมนำทางไปตอนแรก ผมก็คิดว่า มันน่าจะไม่มีอะไรแล้วนะ ผมก็เลยหยิบเครื่องออกมาดู แต่ปรากฏว่า เครื่องเปิดไม่ติด!!! ผมเริ่มรู้สึกว่า ไม่ปกติแล้ว ผมสังเกตดูรอบรอบตัวเครื่อง และเริ่มพิจารณาด้วยความสงสัยแล้วว่า รอยที่ผมแอบดูตอนทดสอบเครื่องมันหายไป ผมถามคนอื่นแล้วว่า ช่วงระหว่างนั้น มีใครสังเกตบ้างว่าหมอนี่เปลี่ยนเครื่องหรือเปล่า ทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มี เพราะจ้องตลอด หรือจะเป็นแบตหมด เลยรีบขอร้านตรงนั้นชารต์เพื่อทดสอบโดยไว แต่ปรากฏว่า ชารต์ไม่เข้า ไกด์คนเดิม หยิบเครื่องมาทดสอบดู จึงรู้แล้วว่านี่มันคือ "เครื่องปลอม ที่เป็นตัว demo วางตั้ง" ซึ่งน้ำหนักเท่าเครื่องจริงมาก (ของ copy จะเบากว่านี้) ตอนนั้นเริ่มจิตตกละ เงิน 5,000 หายวับไปกับตา (กรรมติดจรวดจริงๆ) ส่วนไกด์ก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย และรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที เรียกว่าอย่าให้เจอนะ วันหลังจะกลับมาหาตัวใหม่แน่ๆ
แต่ละคนก็สงสัยว่ามันเปลี่ยนเครื่องตอนไหน ก็จ้องกันตลอด ทั้ง 6 คนก็ช่วยกันสอดส่อง แต่ก็ยังพลาดจนได้ ผมนึกย้อนภาพไปทั้งหมด ดูแล้วช่วงที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ ตอนที่มันจับมือนั่นเอง ที่น่าจะเอามืออีกข้างล้วงกระเป๋า แล้วหยิบอีกเครื่องมาแทน หรืออาจจะใช้เทคนิค กระเป๋า 2 ข้างสลับมือซ้ายและขวาในการเอาของออกมาโชว์
สุดท้ายก็เลยต้องทำใจยอมรับกันไปว่า เสียที ซะแล้วงานนี้ วางใจมากไปหน่อยที่เห็นของจริงแล้วคิดว่าจะได้แน่ๆ งานนี้พี่สาวผมก็เลยช่วยไป 2,000 ส่วนผมก็รับไป 3,000 เรียกว่างานนี้อารมณ์คนอื่นที่อยากได้ ไม่เหลือกันละ เหลือแต่คนรับเคราะห์ เสียเงินเป็นค่าซื้อประสปการณ์อยู่คนเดียว

แต่ก็คิดอีกแง่ ถ้าผมไม่ใช่คนที่โดนหลอก แต่เป็นคนอื่นๆ ก็คงจะเครียดมากกว่านี้ เพราะถ้าเทียบกันแล้ว เงินที่เสียไป ผมก็ยังพอหาคืนได้บ้างจากการรับงานบางตัวที่ทำแค่แป๊ปๆ
จากประสปการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า
1. โจร ยังไงก็ยังเป็นโจรอยู่วันยังค่ำ
2. ให้ระวังการตกหลุมพรางของตัวเอง กรณีนี้ คือการวิตกกังวลในความคิดของตัวเองมากเกินไปว่า ถ้ารับของมาแล้วเดี๋ยวเราจะมีปัญหา ทำให้เราสร้างสถานการณ์ที่เอื้อประโยชน์ให้กับอีกฝ่ายขึ้นมาแทน (ถ้าเป็นเมืองไทย คุยรู้เรื่องในบ้านเราเองคงไม่ขนาดนี้)
3. ของที่ถูกเกินไป ยังไงก็อันตรายเสมอ
4. การที่เห็นของจริง ไม่ได้หมายความว่าของจริงชิ้นนั้นจะเป็นสินค้าจริงๆที่เราจะได้รับ เป็นเทคนิคการสร้างความน่าเชื่อถือที่มากขึ้นทำให้ขาดความรอบคอบได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นให้ของอยู่ในมือเราก่อนยื่นเงินให้อีกฝ่ายเสมอ และตรวจสอบอย่างรอบคอบว่าเป็นของชิ้นเดียวกัน (ผมไม่ได้นึกถึงไอ้เครื่อง demo นี้มาก่อนเลย จริงๆถ้าเป็นของก๊อปก็ยังโอเค ได้ใช้ แต่ที่มันไม่ใช้ เพราะน้ำหนักของก๊อปเบามาก)
ก็ถือว่าเป็น 3,000 ที่ผมเสียไปเพื่อซื้อประสปการณ์มาแบ่งปันก็แล้วกันครับ เพราะนอกเหนือจากเรื่องนี้แล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรพิเศษสักเท่าไรกับการไปจีนครั้งนี้
ยังไงการเสียเงินครั้งนี้ผมก็ไม่โทษไกด์สักเท่าไร ถือว่าโทษตัวเองที่ดันอยากรู้ ให้ไกด์ไปถามราคาหล่ะนะ ถึงจะจิตตก แต่ใจยังไม่ตก ผมก็เลยไม่พยายามจะเครียดมากให้เห็น จะเสียดายก็แค่ตอนที่บอกให้ไอ้โจรคนนี้มันยื่นของให้ใครสักคนแล้วไม่มีคนตอบสนองนั่นหล่ะ แต่ก็โทษใครไม่ได้ เพราะจริงๆเราก็ต้องเอาของมาไว้ในมือเราเองก่อน บางทีคิดว่า ถ้าเราเอามาถือไว้ แล้วจะยื่นเงินให้มันเลย มันก็คงหาทางเลี่ยงหรือทางออกเพื่อที่จะไม่ขายได้อยู่ดีหล่ะมั้ง