ถ้าซ้ำลบได้เลยนะครับ

กองปราบล็อก 2 หนุ่มเยอรมัน สมุนแก๊งแฮกเกอร์เจาะข้อมูลดูดเงินจากอีแบงก์กิ้ง เจ้าตัวอ้างเป็นแค่ “ม้า” วิ่งกดเงิน
เมื่อ เวลา 15.00 น. วันที่ 9 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบก.ปอท.(ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1บก.ป. พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป. และ นายกิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ผจก.ฝ่ายความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายโดมินิค ไอโคโน อายุ 22 ปี และ นายเดฟ แอคเคอร์แมนน์ อายุ 23 ปี ทั้งคู่สัญชาติเยอรมัน
โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หน้าโรงแรมแกรนด์ทาวเวอร์อินน์ ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อซอย 1) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา พร้อมของกลางบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ ของนางกนกวรรณ เบจาวี และ น.ส.บุญตา อนิกระทอน พร้อมบัตรเอทีเอ็ม บีเฟิร์สสมาร์ท 2 ใบ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง ตัวบรรจุข้อมูลทางธนาคารและบัตรเครดิต (USB) 1 อัน และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ ภายหลังจาก พ.อ.(หญิง) ขัตติยาพร ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครนายก ต่อมา ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ และทางตำรวจ บก.ปอท.เร่งสืบสวนสอบสวนอย่างเงียบ ๆ อีกทางหนึ่ง กระทั่งพบเบาะแสคนร้ายแก๊งนี้ไปกดเงินของผู้เสียหายจากตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ 2 ราย จึงวางแผนสืบสวนแกะรอย ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองไว้ได้
เบื้องต้น แจ้งข้อหาผู้ใดมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอีเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น โดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน จะส่งตัวให้ บก.ปอท.รับไว้ดำเนินคดี และขยายผลต่อไป
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวต่อว่า ผู้ร่วมกระทำความผิดแก๊งนี้พบว่า ยังมีชาวต่างชาติเป็นแฮกเกอร์ที่ปล่อยไวรัสโทรจัน (TROJAN) เข้าไปในระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ของเหยื่อขณะกำลังทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน ระบบอินเทอร์เน็ต จนได้ข้อมูลล็อกอิน และพาสเวิร์ดของบัญชีธนาคาร จากนั้น รีบดำเนินการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนไทยที่มีการเปิดไว้ ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองเป็นเพียง “ม้า” หรือผู้ที่วิ่งไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในพื้นที่เมืองพัทยา และพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น โดยอ้างว่าได้ค่าจ้างเพียง 1 แสนบาท ส่วนคนว่าจ้างเป็นชาวรัสเซีย ชื่อ “คิม” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางย่านพัทยา
สำหรับการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ต้นปี 2553 พบว่า เกิดความเสียหายแล้วประมาณ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนขยายผลในกรณีนี้แล้ว แต่มีข้อมูลหลายส่วนที่ยังต้องใช้เวลาดำเนินการ และถือเป็นอาชญากรข้ามชาติรายสำคัญที่ใช้ประเทศไทยเป็นที่พำนัก และก่ออาชญากรรม ทำให้เกิดความเสียหายกับลูกค้าของธนาคารเป็นจำนวนมาก
นอกจากคนร้ายใช้วิธีการปล่อยไวรัสโทรจันเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ แล้ว ยังพบว่ามีการซื้อข้อมูลบัตรมาสเตอร์การ์ด วีซ่าการ์ดทางอินเทอร์เน็ตนำมาใช้เข้ารหัส เพื่อซื้อสินค้ากับบริษัทที่มีการซื้อขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ตได้ด้วย โดยข้อมูลเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และขยายผล ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาก็ให้ความสนใจอย่างมาก เพราะมีการเชื่อมโยงกับหัวหน้าขบวนการที่อยู่ต่างประเทศ
พ.ต.อ.ศิริพงษ์ รอง ผบก.ปอท. เปิดเผยว่า แผนประทุษกรรมของแก๊งคนร้าย จะวิธีปล่อยไวรัสโทรจัน (โปรแกรมที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง) ประเภทที่เรียกว่า ไซเรนแบงก์เกอร์ หรือนายธนาคารเงียบ มีฟังก์ชั่นตรวจสอบผู้ที่ติดไวรัสตัวนี้ว่ามีธุรกรรมทางการเงินหรือไม่ ส่วนผู้ที่ทำแฮกเกอร์จะเข้าไปเจาะบัญชีพบว่าอยู่ที่ประเทศรัสเซีย จะคอยมอนิเตอร์กลุ่มผู้ติดไวรัสโทรจัน เมื่อสามารถเจาะบัญชีเหยื่อได้แล้ว จะรีบอัพเดทเปลี่ยนรหัสหมายเลขบัญชีเป็นของบัญชีอื่น หลังจากโอนเงินสำเร็จจะให้ “ม้า” หรือผู้วิ่งกดเงิน รีบไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มทันที เพื่อไม่ให้เหยื่อสามารถอายัดการทำธุรกรรมได้ทัน
"อยากฝากเตือนประชาชนว่า การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ตไม่ว่าที่ใดก็มีความเสี่ยง แต่เราไม่ควรนำบัญชีที่มีเงินอยู่จำนวนมากในการทำธุรกรรมน้อย ๆ ควรจะแบ่ง หรือกระจายความเสี่ยงออกไป ส่วนเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ก็ควรจะติดตั้งโปรแกรมตรวจจับไวรัส และอัพเดทอยู่เสมอ หรือไม่ก็ต้องหมั่นที่จะล้างข้อมูล เช่น ในต่างประเทศจะมีการคลีนนิ่งข้อมูลโดยแบล็กอัพข้อมูลสำคัญเอาไว้ และเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องทำธุรกรรมการเงินก็ไม่ควรไปดาวน์โหลดโปรแกรม ใช้ฟรีต่าง ๆ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ที่ล่อแหลม รวมทั้งการเปิดไฟล์ที่แนบมากับอีเมลที่เราไม่รู้จัก อย่างไรก็ตาม ถ้าเห็นความผิดปกติแล้วหากเป็นไปได้ก็ควรหยุดการดำเนินการทันที
เมื่อทำธุรกรรมการเงินแล้วพบหมายเลขบัญชีแปลก ๆ โผล่ขึ้นมาระหว่างการขั้นตอนการดำเนินการแล้ว ก็ควรหยุดตรวจสอบ หรือหากไม่มั่นใจก็ควรรีบชักปลั๊กไฟฟ้าออก อย่าลืมว่าคนร้ายได้รีโมทเข้ามาแล้ว ผมได้คุยกับทางธนาคารแล้วก็ได้รับการยืนยันว่า มีการปรับปรุง และป้องกันปัญหาดังกล่าวเพื่อไม่ให้ทางแฮกเกอร์รู้ขั้นตอน หรือดักจับข้อมูลจากจุดอ่อนต่าง ๆ ของระบบธนาคารได้” พ.ต.อ.ศิริพงษ์ กล่าว
ด้าน นายกิตติ กล่าวยืนยันว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการยืนยันว่า ระบบของธนาคารกรุงเทพไม่ได้มีปัญหา เรามีการป้องกันการแฮกข้อมูลเป็นอย่างดี สำหรับรายของผู้เสียหายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งข้อมูลให้ผู้ใช้งานทราบแล้วว่ามีการระบุหมายเลขบัญชี ของบุคคลที่สาม ซึ่งจะมีการโอนเงินออกไปจะมีการเพิ่มบัญชี เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ตรวจสอบ และยืนยันแสดงให้เห็นว่าเรามีระบบการป้องกันความปลอดภัยแล้วเป็นมาตรฐาน เดียวกับต่างประเทศ แต่ความผิดพลาดเกิดจากลูกค้า และแฮกเกอร์ก็เข้ามาโจรกรรมข้อมูลในส่วนของลูกค้าไม่ใช่ของทางธนาคาร
ขณะที่ พ.อ.(หญิง) ขัตติยาพร กล่าวว่า เรื่องการป้องกันเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินนั้น ปกติตนก็ดำเนินการตามที่ธนาคารแนะนำ คงไม่มีลูกค้าธนาคารรายใดที่อยากสูญเสียเงินไป ตนพยายามรอบคอบทุกอย่างแล้ว แต่หากมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างการทำธุรกรรมก็ควรหยุดการดำเนินการต่อไปอีก ส่วนกรณีของตนทุกขั้นตอนตนไม่มั่นใจว่าเกิดความผิดปกติในขั้นตอนใด หลังจากใช้บริการวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาจึงเกิดปัญหา จนเงินหายไปจากบัญชี และตรวจสอบพบ จึงรีบระงับการใช้เงินจากบัญชีทันที.
http://www.dailynews.co.th/new...goryID=419&contentID=84059 