จาก
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,128696.160.html 
มันโดนล็อคไปแล้ว
แต่ประเด็นที่ผมถกกับพี่หมอยังไม่จบครับ ที่จริงแล้วผมก็ชั่งใจอยู่พอควรว่าระหว่างจะตอบกับไม่ตอบอะไรดีกว่ากัน แต่
ผมเลือกตอบดีกว่า
พออ่าน rep ของพี่หมอแล้ว ผมขออธิบายต่อว่า สำหรับผมแล้วไม่ได้มองโลกทั้งในแง่ดีและแง่ที่ไม่ดีเลยนะครับ
ผมมองโลกไปตามความเป็นจริง เพราะความจริงมีทั้งดีและไม่ดีปนอยู่ในเรื่องเดียวกัน ฉะนั้นการมองโลกจึงขึ้นอยู่
กับว่าทำอะไรแล้วได้อะไร สิ่งที่เขียนในทุก rep ที่ออกแนวปรัชญาและธรรมะนั้น อยู่บนพื้นฐานว่าทำอะไรแล้ว
ได้อะไร ไม่ได้ว่้าจะมีแต่บวกหรือมีแต่ลบเท่านั้น แต่ในวาระนั้นีทั้งดีและเลวผสมกันไป จึงได้อยู่ที่ว่าใครพร้อมจะดีหรือ
ใครพ้อมจะเลว หรือตามทฤษฎี x กับ y ความจริงมีทั้ง x และ y ปนกันไปเลย เป็น x+y เสมอ แล้วแต่สัดส่วนไหน
ระหวาง x กับ y จะมากกว่ากัน เพราะมันจะเป็นตามความจริง จริงอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น rep แรกที่ผมตอบพี่หมอไป
ก็ฌชัดเจนแล้ว และที่ผมนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นแล้วไม่ยอมให้จบ เพราะนี่คือปัญหาของสังคมไทยต่างหาก คนที่ทำผิด
แล้วไม่ยอมรับผิดในการกระทำนั้นต่อหน้าสังคมเป็นคนที่ไม่กล้าหาญ ผมก็บอกชัดเจนแล้วว่าทำผิดก็ยอมรับกันไป แต่สิ่งที่
ผมยังไม่ได้ตอบและกำลังจะตอบ คือว่า เมื่อคนนั้นสารภาพผิดแล้วยอมรับความผิดนั้น ก็ควรให้เขากลับตัวเป็นคนดี นี่เป็น
สิ่งสำคัญ เมื่อคนอื่นเห็นตัวย่างจะได้ไม่กล้าทำผิดตาม
ฉะนั้นการมองอะไรตามความจริงคือการว่าอะไรไปตามเนื้อผ้า คนทำผิดก็คือทำผิดเป็นความจริงตามนั้น ก็ควรเปิดเผย
คนเราทำอะไรไปหนีควา่มจริงไม่ได้ ในขณะเดียวกันคนทำดีก็ต้องได้รับการยกย่อง เมื่อคนทำผิดถูกสังคมตำหนิ ใน
ขณะที่คนดีได้รัะบการยกย่องจากสังคม ความเป็นธรรมในสังคมนั้นจะเกิดขึ้น ผมบอกชัดเจนว่าคนทำผิดหากถูกตำหนิ
ก็ควรรับสภาพนั้นไป ถ้าไม่อยากเป็นเช่นนั้นก็อย่าไปทำ ถ้ารทำไปแล้วต้องยอมรับ เมื่อยอมรับแล้วต่อไปจะเกิดเป็น
บทเรียน ถ้าถามใจผมเองสมมุติว่าถ้าผมได้ทำผิดไปอย่างกรณีน้องนักศึกษาฝึกงาน ผมจะรีบออกมาเล่าให้คนทั่วไป
ได้รู้ไปเลย แล้วผมจะถามกลับทุกคนด้วยว่า ผมยอมรับผิดแล้วใครจะทำอะไรมั้ย ในเมื่อผมทำไปแล้วหนิ จะให้
ผมมานั่งปิดบังสิ่งที่ผมทำหรืองุบงิบรู้กันแค่ไม่กี่คนหรือ ถ้าผมทำไปแล้วผิดมันช่วยไม่ได้อยู่แล้ว ก่อนทำไม่คิด
หลังทำมาคิดแ้ล้วปกปิด แล้วบอกว่ากลัวเสียหน้า เป็นที่ประจานใม้อับอายขายหน้าไปทั่วเพื่ออะไร