งั้นผมตัดคำว่ายากที่จะถูกครอบงำออก ก็แล้วกัน แต่ไม่แก้แล้ว เพราะ code ไปหลาย rep แล้ว แก้ไปก็เท่ากับหนีความจริง
ที่จริงผมก็ไม่อยากให้กระทบขนาดนั้น แต่ถ้ามันกระทบจริง ๆ ผมก็ว่าตามนั้นแหล่ะ เพราะผมบอกแล้วใน rep ก่อน ๆ ว่าผม
อาจจะมีอคติก็ได้ เพราะผมเป็นใต้
คำที่สือความหมายผิืดคือ "มีแต่" ครับ ไม่ใช่ "ยากที่จะถูกครอบงำ" ครับ คำๆนี้ทำให้ความหมายทั้งประเโยคเป็นในแง่ลบ
อย่างเรปข้างบนพูดถึงเชียงใหม่ ถ้าผมพูดว่า
คนเหนือมีแต่ผู้หญิงขาวๆสวยๆน่ารักๆ กับ สาวเหนือขาวๆสวยๆน่ารักๆเยอะแยะ อันไหนมันฟังไม่แบ่งแยกและดูดีกว่ากันครับ
ปล. ผมชอบน่ารักๆไม่เกี่ยวว่าภาคไหนครับ อิอิ
ถ้าให้ผมอ่าน ผมก็เฉย ๆ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็สมมุติขึ้น ความแตกแยกเกิดจากการที่เราเอาใจไปใส่ให้เกิดความรู้สึกมากกว่า
แล้วคำว่าแต่กับคำว่าเยอะแยะก็ต่างกัน เอาเท่าที่ผมเจอก็เหมือนกับที่ผมบอก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะรู้สึก แต่พอผมเข้าใจ
ธรรมะ ผมกับรู้สึกเฉย ๆ ถ้าจะมีเพิ่มคือ อาจจะสนใจว่าคนพูดมีเจตนาอย่างไรมากกว่า แต่ไม่ใช่ไปตีความในสิ่งที่เขาพูด
ถ้าเป็นไปได้ ผมก็ถามเลยว่าคนพูดมีวัตถุประสงค์อย่างไร เขาตอบมาอย่างไรก็อย่างนั้น คำตอบของเขาได้มาอย่างไรคือจบ
เพราะถ้าเขาพูดไม่จริงตามจิตใจของเขา นั่นมันเรื่องของเขาที่จะต้องรับกรรมที่ตนสร้างขึ้นนั้นไปเอง
ฉะนั้นเรื่องของเจตนา ถ้าคนไหนรู้สึกว่าผมพิมพ์แล้วขัดความรู้สึก นั่นเป็นเพราะผู้นั้นตั้งใจรับไปเอง ถ้าบอกว่าเมื่อก่อนผมก็เคยเป็น
ตอนหลัง พอผมเข้าใจหลักธรรมลึกซึ้งขึ้น จะเหลือแต่คำว่า ถ้าเขามีเจตนาพูดเพื่อให้กระทบจิตใจผม เขาก็ต้องรับกรรมตามเจตนา
มันก็เท่านั้น ส่วนผมไม่มีอะไรหรอก ใครมีเจตนาอย่างไรคนนั้นรับไป เจตนาเกิดจากผู้ส่ง ผู้ส่งก็รับทุกข์ไป ที่สำคัญเจตนาเกิดจากผู้
รับถ้ารับแล้วไปเกิดทุกข์ขึ้นในใจตนก็เป็นดังนั้น สิ่งนี้มันเกิดขึ้นแล้วมีผลทันตาเห็น
เพิ่มอีกนิด นั่นหมายความว่า ถ้าใครพูดอะไรมาแล้วมันบังเอิญกระทบจิตใจของผมขึ้นมา ถ้าเขาผู้นั้นไม่มีเจตนาจะทำให้ผมเดือดร้อนใช่ว่า
เขาผู้นั้นจะสร้างบาปกรรมไว้กับผม แต่ผมเองต่างหากสร้างบาปกรรมให้กับตนเอง กล่าวคือก็ดันไปทุกข์เสียเอง ทั้ง ๆ ที่ทั้งสุขทุกข์ที่เกิดขึ้น
ทางใจเป็นเพียงสิ่งสมมุติเท่านั้น